siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

ค่ำคืนสุดเหวี่ยง...สู่รุ่งเช้าสุดพัง: รู้จัก 'อาการเมาค้าง' (Hangover) และวิธีรับมือ

อาการปวดหัวตุบๆ, คลื่นไส้, อ่อนเพลีย, และความรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจเมื่อคืน คือประสบการณ์ที่นักดื่มหลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี อาการเหล่านี้รวมเรียกว่า "อาการเมาค้าง" (Hangover) ซึ่งเป็นเหมือนใบแจ้งหนี้ที่ร่างกายส่งมาเตือนว่าคุณได้ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไป

แม้จะไม่มี "ยาวิเศษ" ที่ทำให้หายได้ในพริบตา แต่การทำความเข้าใจสาเหตุที่แท้จริง จะช่วยให้เรารู้วิธีป้องกันและบรรเทาอาการที่แสนทรมานนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


ทำไมเราถึงเมาค้าง? วิทยาศาสตร์เบื้องหลังความทรมาน

อาการเมาค้างไม่ใช่แค่อาการเดียว แต่เป็นผลกระทบแบบ "คอมโบเซ็ต" ที่เกิดจากกลไกหลายอย่างพร้อมกัน:

1. ภาวะขาดน้ำ (Dehydration): แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่มากกว่าปกติ นี่คือสาเหตุหลักของอาการกระหายน้ำ, อ่อนเพลีย, เวียนศีรษะ, และปวดหัว

2. การระคายเคืองทางเดินอาหาร: แอลกอฮอล์เพิ่มการหลั่งกรดในกระเพาะและชะลอการบีบตัวของลำไส้ ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้, อาเจียน, และปวดท้อง

3. การอักเสบในร่างกาย: ระบบภูมิคุ้มกันอาจตอบสนองต่อแอลกอฮอล์โดยการหลั่งสารกระตุ้นการอักเสบ ซึ่งทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเหมือนเวลาเป็นไข้

4. การรบกวนการนอนหลับ: แม้แอลกอฮอล์จะทำให้ง่วงและหลับง่าย แต่จะไปทำลายคุณภาพการนอนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการนอนหลับช่วง REM (Rapid Eye Movement) ซึ่งจำเป็นต่อการฟื้นฟูสมอง ทำให้แม้จะนอนนานแต่ก็ยังตื่นมาพร้อมความรู้สึกอ่อนล้าและไม่สดชื่น

5. การสะสมของสารพิษอะซีทัลดีไฮด์ (Acetaldehyde): ในกระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์ ตับจะสร้างสารพิษตัวกลางที่ชื่อว่า "อะซีทัลดีไฮด์" ขึ้นมา การสะสมของสารนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของอาการปวดหัวและคลื่นไส้

6. ภาวะถอนสุราระยะสั้น (Mini-Withdrawal): หลังจากแอลกอฮอล์หมดฤทธิ์ สมองที่เคยถูกกดไว้จะกลับมาตื่นตัวเกินเหตุ ทำให้เกิดอาการกระสับกระส่าย, วิตกกังวล, และใจสั่น

เมาค้าง

วิธี "รักษา" ที่ดีที่สุด: คือการป้องกัน

วิธีเดียวที่จะรับประกันได้ว่าคุณจะไม่เมาค้าง คือการไม่ดื่ม หรือดื่มในปริมาณที่จำกัด แต่หากคุณเลือกที่จะดื่ม นี่คือเคล็ดลับในการป้องกัน:


ตื่นมาพร้อมอาการเมาค้าง? วิธีบรรเทาอาการ

หากการป้องกันไม่สำเร็จและคุณตื่นมาพร้อมกับอาการเมาค้าง แม้จะไม่มีวิธีแก้แบบทันที แต่สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้:

1. เติมน้ำให้ร่างกาย: นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด ดื่มน้ำเปล่า บ่อยๆ ตลอดวัน อาจดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่เพื่อชดเชยอิเล็กโทรไลต์ที่สูญเสียไป หรือซดซุปร้อนๆ ก็ช่วยได้

2. ทานอาหารที่ย่อยง่าย: แม้จะไม่อยากอาหาร แต่การทานอาหารเบาๆ เช่น ขนมปังปิ้ง, กล้วย, หรือข้าวต้ม จะช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดที่ลดต่ำลงจากการดื่ม และบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้

3. ยาแก้ปวด: ยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs (เช่น Ibuprofen, Aspirin) สามารถช่วยลดอาการปวดหัวได้

คำเตือนสำคัญ: ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาพาราเซตามอล (Acetaminophen) เพื่อแก้แฮงค์ เพราะตับยังคงทำงานหนักในการกำจัดแอลกอฮอล์ที่เหลืออยู่ การทานพาราเซตามอลอาจเพิ่มภาระและเสี่ยงต่อการทำลายตับได้

4. พักผ่อน: ร่างกายต้องการเวลาในการซ่อมแซมตัวเอง การนอนหลับคือการฟื้นฟูที่ดีที่สุด

5. อย่าถอนด้วยการดื่มซ้ำ (Hair of the Dog): ความเชื่อที่ว่าการดื่มแอลกอฮอล์อีกเล็กน้อยในตอนเช้าจะช่วยแก้แฮงค์ได้นั้นเป็นความเชื่อที่ผิด มันอาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้นชั่วขณะ แต่สุดท้ายแล้วเป็นเพียงการยืดเวลาและทำให้อาการเมาค้างกลับมาหนักกว่าเดิม

บทสรุป: อาการเมาค้างคือสัญญาณเตือนที่ชัดเจนจากร่างกายว่าคุณได้ทำร้ายมันมากเกินไป วิธีที่ดีที่สุดคือการเรียนรู้จากประสบการณ์และดื่มอย่างมีความรับผิดชอบในครั้งต่อไป

 

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว