การติดสุรา (Alcohol Use Disorder): ดื่มอย่างไรถึงเข้าข่าย และอันตรายที่คุณควรรู้
"ภาวะติดสุรา" หรือในทางการแพทย์เรียกว่า Alcohol Use Disorder (AUD) คือภาวะทางสมองเรื้อรังที่ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมหรือหยุดการดื่มแอลกอฮอล์ได้ แม้จะรู้ว่าการดื่มนั้นส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพกาย จิตใจ ความสัมพันธ์ การงาน และการเงิน AUD ไม่ได้เป็นเพียง "การดื่มหนัก" แต่เป็นโรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในสมองซึ่งทำให้เกิดความอยากดื่มอย่างรุนแรงและเสี่ยงต่อการกลับไปดื่มซ้ำ แต่ข่าวดีคือ AUD เป็นภาวะที่สามารถรักษาได้
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจทุกมิติของ AUD ตั้งแต่เกณฑ์การวินิจฉัย สาเหตุ ผลกระทบ ไปจนถึงแนวทางการรักษาที่ได้รับการยอมรับทางการแพทย์
ดื่มอย่างไรถึงเข้าข่าย “เสี่ยง” และ “ติดสุรา”
การทำความเข้าใจนิยามของการดื่มเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อประเมินความเสี่ยงของตนเองและคนรอบข้าง
1. การดื่มหนัก (Heavy Drinking / Binge Drinking)
การดื่มหนักเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจนำไปสู่ AUD ได้ แบ่งเป็น:
1 หน่วยดื่มมาตรฐาน (Standard Drink) คืออะไร?
-
เบียร์ (แอลกอฮอล์ 5%): 1 กระป๋อง/ขวดเล็ก (360 มล.)
-
ไวน์ (แอลกอฮอล์ 12%): 1 แก้ว (150 มล.)
-
สุรากลั่น (40%): 1 ช็อต (45 มล.)
2. เกณฑ์การวินิจฉัยภาวะติดสุรา (Alcohol Use Disorder)
การวินิจฉัย Alcohol Use Disorder
การวินิจฉัย AUD อาศัยการประเมินจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ โดยพิจารณาจาก:
- ประวัติการดื่ม: ปริมาณ ความถี่ รูปแบบการดื่ม
- พฤติกรรมการดื่ม: การควบคุมการดื่ม ผลกระทบต่อชีวิต
- ข้อมูลจากครอบครัวและเพื่อน: เพื่อประกอบการวินิจฉัย
- การตรวจร่างกายและตรวจเลือด: เพื่อประเมินผลกระทบต่อสุขภาพและคัดกรองโรคร่วม
เกณฑ์การวินิจฉัย:ตามเกณฑ์ DSM-5 แพทย์จะวินิจฉัยว่าบุคคลมีภาวะ AUD หากมีอาการดังต่อไปนี้ ตั้งแต่ 2 ข้อขึ้นไป ภายในระยะเวลา 12 เดือน:
-
ดื่มในปริมาณมากกว่าหรือนานกว่าที่ตั้งใจไว้
-
พยายามลดหรือเลิกดื่มหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ
-
ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการดื่ม การหาสุรามาดื่ม หรือการฟื้นตัวจากอาการเมา
-
มีความอยากดื่มอย่างรุนแรงจนไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้
-
การดื่มส่งผลกระทบต่อความรับผิดชอบที่บ้าน ที่ทำงาน หรือโรงเรียนซ้ำๆ
-
ยังคงดื่มต่อไปแม้จะทำให้เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์กับครอบครัวหรือเพื่อน
-
ล้มเลิกหรือลดความสำคัญของกิจกรรมที่เคยชอบ เพื่อไปดื่มสุรา
-
ดื่มในสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายซ้ำๆ (เช่น ดื่มแล้วขับรถ, ทำงานกับเครื่องจักร)
-
ยังคงดื่มต่อไปทั้งที่รู้ว่าทำให้ปัญหาสุขภาพกายหรือจิตใจแย่ลง
-
ภาวะทนต่อแอลกอฮอล์ (Tolerance): ต้องดื่มในปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้รู้สึกเมาเท่าเดิม
-
ภาวะถอนสุรา (Withdrawal): เกิดอาการไม่พึงประสงค์เมื่อหยุดหรือลดการดื่ม (เช่น มือสั่น เหงื่อออก คลื่นไส้ วิตกกังวล) หรือต้องดื่มเพื่อระงับอาการเหล่านี้
การประเมินความรุนแรง:
-
น้อย (Mild): มี 2-3 อาการ
-
ปานกลาง (Moderate): มี 4-5 อาการ
-
รุนแรง (Severe): มี 6 อาการขึ้นไป
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของ AUD
AUD เป็นโรคที่ซับซ้อนซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ใช่แค่เรื่องของจิตใจที่อ่อนแอ:
-
พันธุกรรมและประวัติครอบครัว: ผู้ที่มีพ่อแม่หรือญาติใกล้ชิดมีภาวะ AUD จะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป
-
การเริ่มต้นดื่มตั้งแต่อายุน้อย: การดื่มหนักก่อนอายุ 15 ปี เพิ่มความเสี่ยงในการเกิด AUD อย่างมีนัยสำคัญ
-
ภาวะสุขภาพจิต: ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล โรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar) หรือ PTSD การใช้แอลกอฮอล์เพื่อผ่อนคลาย จัดการกับความเครียด ความวิตกกังวล ความซึมเศร้า ความเหงา หรือความไม่มั่นใจในตัวเองมักใช้แอลกอฮอล์ในการจัดการอารมณ์ ซึ่งนำไปสู่ AUD ได้ง่าย
-
ประวัติความบอบช้ำทางจิตใจ (Trauma):ผู้ที่มีประวัติการบาดเจ็บทางอารมณ์หรืออื่นๆ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
-
ปัจจัยทางสังคมและวัฒนธรรม: การมีเพื่อนหรือคู่หูที่ดื่มเป็นประจำ วัฒนธรรมที่ส่งเสริมการดื่ม หรือภาพลักษณ์การดื่มที่ "เท่" ในสื่อ อาจส่งผลต่อความเสี่ยง
- การเริ่มต้นดื่มตั้งแต่อายุน้อย: ผู้ที่เริ่มดื่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดื่มหนักตั้งแต่อายุยังน้อย มีความเสี่ยงสูงกว่า
อาการการติดสุรา
ความผิดปกติจากการดื่มสุราอาจมีเล็กน้อย ปานกลาง หรือรุนแรง ขึ้นอยู่กับจำนวนอาการที่คุณพบ อาการและอาการแสดงอาจรวมถึง:
- ไม่สามารถจำกัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่คุณดื่มได้
- ต้องการลดปริมาณการดื่มหรือพยายามดื่มแต่ไม่สำเร็จ
- ใช้เวลาดื่มเหล้ามาก ๆ หรือฟื้นตัวจากการดื่มสุรา
- รู้สึกอยากอาหารมากหรืออยากดื่มแอลกอฮอล์
- การไม่ปฏิบัติตามภาระผูกพันที่สำคัญในที่ทำงาน โรงเรียน หรือที่บ้าน เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์ซ้ำๆ
- ดื่มแอลกอฮอล์ต่อไปแม้ว่าคุณจะรู้ว่าแอลกอฮอล์ก่อให้เกิดปัญหาทางร่างกาย สังคม การทำงาน หรือความสัมพันธ์
- ละทิ้งหรือลดกิจกรรมทางสังคมและการทำงานและงานอดิเรกในการใช้แอลกอฮอล์
- การใช้แอลกอฮอล์ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เช่น เมื่อขับรถหรือว่ายน้ำ
- พัฒนาความอดทนต่อแอลกอฮอล์ ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องรู้สึกถึงผลมากขึ้นหรือคุณมีผลลดลงจากปริมาณที่เท่ากัน
- มีอาการถอนยา เช่น คลื่นไส้ เหงื่อออก และตัวสั่น เมื่อคุณไม่ดื่ม หรือดื่มเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเหล่านี้
ความผิดปกติจากการใช้แอลกอฮอล์อาจรวมถึงช่วงที่เมาสุรา (มึนเมาจากแอลกอฮอล์) และอาการถอนสุรา
ผลกระทบที่อันตรายของ Alcohol Use Disorder
AUD ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทุกด้านของชีวิต:
1. ผลกระทบต่อร่างกาย
-
โรคตับ: เป็นผลกระทบที่พบบ่อยที่สุด เริ่มจากไขมันพอกตับ, ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ และอาจรุนแรงถึง โรคตับแข็ง ซึ่งเป็นการทำลายเซลล์ตับอย่างถาวร
-
ปัญหาทางเดินอาหาร: โรคกระเพาะ แผลในหลอดอาหาร ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง
-
โรคหัวใจและหลอดเลือด: ความดันโลหิตสูง หัวใจโต หัวใจเต้นผิดจังหวะ และเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
-
ระบบประสาทและสมอง: ทำลายเซลล์สมอง ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อม ความจำเสื่อม และชาปลายมือปลายเท้าจากการขาดวิตามินบี 1
-
เพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง: โดยเฉพาะมะเร็งช่องปาก ลำคอ หลอดอาหาร ตับ ลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านม
-
ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: ทำให้ติดเชื้อต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะโรคปอดบวม
-
กระดูกพรุน: รบกวนการสร้างกระดูกใหม่ ทำให้กระดูกบางและหักง่าย
-
ปัญหาสมรรถภาพทางเพศ: ทำให้เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศในชาย และประจำเดือนมาไม่ปกติในหญิง
- ปฏิกิริยาระหว่างยาและแอลกอฮอล์: ยาบางชนิดทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ ทำให้พิษของยาเพิ่มขึ้น หรือลดประสิทธิภาพของยา
2. ผลกระทบต่อจิตใจ
- ภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล: การดื่มแอลกอฮอล์อาจเป็นตัวกระตุ้นหรือทำให้อาการเหล่านี้รุนแรงขึ้น
- โรคจิตเภท: เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดหรือทำให้อาการของโรคจิตเภทแย่ลง
- ความคิดฆ่าตัวตาย: เพิ่มความเสี่ยงของความคิดและพฤติกรรมการฆ่าตัวตาย
3. ผลกระทบต่อสังคมและความสัมพันธ์
- ปัญหาครอบครัวและเพื่อน: การทะเลาะวิวาท การหย่าร้าง ความขัดแย้งในความสัมพันธ์
- ความรุนแรงในครอบครัว: เพิ่มความเสี่ยงของการใช้ความรุนแรง
- อุบัติเหตุและพฤติกรรมเสี่ยง: การตัดสินใจที่ผิดพลาดนำไปสู่อุบัติเหตุ (โดยเฉพาะการขับขี่) การก่ออาชญากรรม หรือตกเป็นเหยื่อ
- ปัญหาทางกฎหมาย: การเมาแล้วขับ การก่อความไม่สงบ
- ปัญหาการงาน/การเรียน: ประสิทธิภาพลดลง การขาดงาน/ขาดเรียนบ่อยครั้ง
4.ผลกระทบทางการเงิน
- ค่าใช้จ่ายสูง: เสียเงินจำนวนมากไปกับการซื้อแอลกอฮอล์
- ปัญหาหนี้สิน: อาจนำไปสู่ภาวะหนี้สินเนื่องจากการควบคุมการใช้จ่ายไม่ได้
ระดับความมึนเมาของแอลกอฮอล์ในเลือด (Blood Alcohol Content: BAC)
ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสัมพันธ์กับอาการที่แสดงออก:
BAC (มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) |
อาการแสดง |
30 |
สนุกสนาน ร่าเริง |
50 |
เสียการควบคุมการเคลื่อนไหว เริ่มเดินเซ |
100 |
เดินไม่ตรงทาง |
200 |
สับสน งงงวย |
300 |
ง่วงซึม |
มากกว่า 400 |
สลบ หมดสติ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต |
หมายเหตุ: โดยทั่วไปถือว่า เมาแล้วขับ เมื่อมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดตั้งแต่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ในประเทศไทย
แนวทางการรักษา Alcohol Use Disorder
การรักษา AUD เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการสนับสนุนจากหลายฝ่าย โดยมีแนวทางหลักดังนี้:
1. การจัดการภาวะถอนพิษสุรา (Detoxification)
สำหรับผู้ที่ดื่มหนักมานาน การหยุดดื่มกะทันหันอาจอันตรายถึงชีวิตจาก ภาวะถอนพิษสุรารุนแรง (Delirium Tremens) ซึ่งทำให้เกิดอาการสับสน ประสาทหลอน ชัก และหัวใจเต้นผิดปกติ จึงจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ในโรงพยาบาล ซึ่งจะให้ยาในกลุ่ม Benzodiazepines เพื่อควบคุมอาการให้ปลอดภัย
2. การรักษาด้วยยา (Medications)
ยาที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษา AUD มีจุดประสงค์เพื่อลดความอยากดื่มและป้องกันการกลับไปดื่มซ้ำ:
-
Naltrexone: ลดความรู้สึกเป็นสุขจากการดื่ม และลดความอยากดื่ม ช่วยป้องกันการกลับไปดื่ม หรือลดปริมาณการดื่ม โดยการปิดกั้นตัวรับโอปิออยด์ในร่างกาย ซึ่งหยุดฤทธิ์ของแอลกอฮอล
-
Acamprosate: ช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง เพื่อลดความอยากดื่มในผู้ที่หยุดดื่มแล้ว
-
Disulfiram: ทำงานโดยทำให้เกิดปฏิกิริยาทางกายภาพที่ไม่พึงประสงค์ (คลื่นไส้ เจ็บหน้าอก อาเจียน วิงเวียนศีรษะ) หากดื่มแอลกอฮอล์ขณะรับประทานยา ทำให้ผู้ป่วยไม่อยากดื่ม
- Nalmefene (ชื่อแบรนด์ Selincro): ออกฤทธิ์คล้าย Naltrexone โดยปิดกั้นตัวรับโอปิออยด์ในสมอง เพื่อลดความอยากดื่มแอลกอฮอล์
3. จิตบำบัดและพฤติกรรมบำบัด (Psychotherapy)
-
Cognitive Behavioral Therapy (CBT): ช่วยผู้ป่วยปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมที่นำไปสู่การดื่ม และสอนทักษะการจัดการกับความเครียดและสิ่งกระตุ้น
-
Motivational Enhancement Therapy: สร้างและเสริมแรงจูงใจให้ผู้ป่วยต้องการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดื่มของตนเอง
-
Family Counseling: ช่วยซ่อมแซมความสัมพันธ์ในครอบครัวและสร้างระบบการสนับสนุนที่ดี
4. กลุ่มสนับสนุน (Support Groups)
กลุ่มสนับสนุน เช่น Alcoholics Anonymous (AA) เป็นแหล่งให้กำลังใจที่สำคัญ ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่โดดเดี่ยวและได้เรียนรู้ประสบการณ์จากผู้ที่กำลังฟื้นตัวเช่นกัน
ใครที่ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด?
มีบางกลุ่มบุคคลที่ไม่ควรดื่มสุราเลย เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงต่อสุขภาพหรือความปลอดภัย:
- บุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปี (ในประเทศไทย) หรือต่ำกว่า 21 ปี (ในหลายประเทศ): เนื่องจากสมองยังพัฒนาไม่เต็มที่
- หญิงตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์: เพื่อป้องกันภาวะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในครรภ์
- ผู้ที่ต้องขับขี่รถยนต์ เรือ หรือทำงานที่ต้องใช้ทักษะ สมาธิ หรือเครื่องจักร: เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น
- ผู้ที่กำลังรับประทานยาบางชนิด: เพราะแอลกอฮอล์อาจทำปฏิกิริยากับยา ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย หรือลดประสิทธิภาพของยา
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด: เช่น โรคตับ โรคตับอ่อน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือโรคทางจิตเวช
- ผู้ที่กำลังฟื้นตัวจาก Alcohol Use Disorder: เพื่อป้องกันการกลับไปดื่มซ้ำ
หากคุณหรือคนที่คุณรักกำลังเผชิญกับปัญหานี้ โปรดเข้าใจว่า AUD คือโรค ไม่ใช่ความล้มเหลวทางศีลธรรม การขอความช่วยเหลือจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญคือหนทางสู่การฟื้นตัวและกลับมามีชีวิตที่มีคุณภาพอีกครั้ง
- https://www.mayoclinic.org/alcohol-use-disorder/syc-20369243
- https://www.niaaa.nih.gov/understanding-alcohol-use-disorder
- https://medlineplus.gov/alcoholusedisorderaud.html
- https://www.yalemedicine.org/alcohol-use-disorder
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
