หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน

น้ำมันหมูทานได้หรือไม่

น้ำมันหมูจะมีกรดไขมันชนิดอิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน มีอุณหภูมิเกิดควันสูงใช้ทอดอาหารได้ เนื่องจากมีไขมันอิ่มตัวสูงจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และไขมันในเลือดสูง

ไขมันที่ได้จากสัตว์จะมีไขมันที่แตกต่างกัน สัตว์ที่เลี้ยงด้วยอาหารธรรมชาติ เช่นธัญพืชจะมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน แต่สัตว์ที่เลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูปจะมีไขมันอิ่มตัวและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง

ดังนั้นหากจะรับประทานไขมันจากสัตว์ควรจะเลือกจากสัตว์ที่เลี้ยงตามธรรมชาติ ซึ่งมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน(หลายตำแหน่ง)

น้ำมันหมู

ปริมาณของไขมันในน้ำมันหมู(100กรัม)


น้ำมันหมู

คุณค่าทางอาหารของน้ำมันหมู 1 ช้อนโต๊ะ

Lard: Basic Nutrition Profile
พลังงาน/สารอาหาร 1 ช้อนโต๊ะ
พลังงาน 115 kcal
แป้ง 0 g
ไขมัน 12.8 g
ไขมันอิ่มตัว  5.0 g
ไขมันไม่อิ่มเชิงเดี่ยว  5.8 g
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน  1.4 g
   Omega-3 128 mg
   Omega-6 1300 mg
Protein 0 g

อัตราส่วนไขมัน

เหตุผลที่ควรจะใช้น้ำมันหมู

เนื่องจากน้ำมันหมูมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนน้อยกว่าน้ำมันพืช ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนจะถูก oxidation ได้ง่ายเมื่อถูกความร้อนและเกิดอนุมูลอิสระซึ่งจะเกิดการทำลายเซลล์



  1. มีปริมาณไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนหรือหลายตำแหน่งน้อยทำให้เกิดการ oxidation น้อย นอกจากนั้นยังมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูงซึ่งเป็นไขมันที่ป้องกันโรคหัวใจ
  2. น้ำมันหมูที่ได้จากหมูที่เลี้ยงด้วยอาหารธรรมชาติจะอุดมไปด้วยวิตามิน K2 และวิตามิน ดี โดยเฉพาะหมูที่ถูกแดดจะมีวิตามินสูง9เท่า
  3. น้ำมันหมูเป็นแหล่งให้คอเลสเตอรอลเพราะจะมีปริมาณคอเลสเตอรอล 95 mg
  4. น้ำมันหมูไม่มีไขมันทรานส์
  5. น้ำมันหมูไม่มีกลิ่นจึงนำมาปรุงอาหารได้
  6. น้ำมันหมูเป็นแหล่งวิตามินดีซึ่งจะป้องกันการขาดแคลเซี่ยม
  7. เนื่องจากน้ำมันหมูมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดียว48%อาจจะมีผลดีต่อการป้องกันโรคหัวใจ โดยเฉพาะเมื่อร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลน้อย
  8. น้ำมันหมูมี choline ซึ่งป้องกันโรค Alzheimer’s disease

น้ำมันหมูสามารถหาได้จากส่วนใดก็ได้ของหมูที่มี เนื้อเยื่อไขมันสูงแบ่งออกเป็น


น้ำมันหมู

การแปรรูปน้ำมันหมู

น้ำมันหมูอาจถูกแปรรูปได้สองกระบวนการ: เปียกหรือแห้ง

ในการแปรรูปแบบเปียก

ไขมันหมูจะถูกต้มในน้ำหรือนึ่งที่อุณหภูมิสูง และน้ำมันหมูซึ่งไม่ละลายในน้ำจะลอยบนพื้นผิวของส่วนผสมหรือแยกออกจากกันแล้วใช้ เครื่องหมุนเหวี่ยงอุตสาหกรรม ปั่นแยกเอาไขมันออกมา

ในการแปรรูปแบบแห้ง

จะเอาไขมันตั้งบนกระทะด้วยความร้อนสูง หรือใช้เตาอบโดยไม่ใช้น้ำ (กระบวนการที่คล้ายกับการทอดเบคอน) ทั้งสองกระบวนการให้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันบ้าง น้ำมันหมูที่ปรุงแบบเปียกมีรสชาติที่เป็นกลางกว่า สีอ่อนกว่า และมี อุณหภูมิเกิดควันสูงกว่าน้ำมันหมูแบบแห้งซึ่งจะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าและมีรสคาราเมลและมีอุณหภูมิเกิดควันต่ำกว่า

น้ำมันหมูที่ผลิตในเชิงอุตสาหกรรม

รวมถึงน้ำมันหมูส่วนใหญ่ที่ขายในซุปเปอร์มาร์เก็ต มาจากส่วนผสมของไขมันคุณภาพสูงและไขมันต่ำจากทั่วทั้งตัวหมู น้ำมันหมูมักจะเติมไฮโดรเจน เพื่อปรับปรุงความเสถียรที่อุณหภูมิห้อง น้ำมันหมูเติมไฮโดรเจนที่ขายให้กับผู้บริโภคโดยทั่วไปมีไขมันทรานส์น้อยกว่า 0.5 กรัม ต่อ หนึ่งช้อนโต๊ะ( 13 กรัม) น้ำมันหมูมักได้รับการปฏิบัติด้วยสารฟอกขาวและสารกำจัดกลิ่นป้องกันการเน่าเสีย (น้ำมันหมูที่ไม่ผ่านการบำบัดจะต้องแช่เย็นหรือแช่แข็งเพื่อป้องกันการ เหม็นหืน )

การใช้น้ำมันหมูอย่างปลอดภัย

ทบทวนวันที่ 25/12/2565

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

Google
 

เพิ่มเพื่อน