รับประทานเนยทำให้เกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้นหรือไม่

สารบัญ

เนยทำมาจากนมสดโดยการแยกเอาไขมันของน้ำนมมาแช่เย็น เนยมีไขมันอิ่มตัวและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและไขมันทรานส์ต่ำ ไขมันอิ่มตัวในเนยเป็นไขมันที่มีห่วงโซ่สั้นวึ่งไม่ทำให้ไขมันในเลือดสูง

ก่อนหน้านี้มีความเชื่อว่าการรับประทานเนยจะทำให้ไขมันในเลือดสูงและเป็นต้นเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่ จากการศึกษายังไม่มีหลักมากเพียงพอ นอกจากนั้นการศึกษาใหม่ บ่งชี้ว่าเนยน่าจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ

การศึกษาพิสูจน์ได้ว่าอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวต่ำช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

หลักฐานในปัจจุบันสนับสนุนการเปลี่ยนไขมันอิ่มตัว (เช่น ที่พบในเนย น้ำมันมะพร้าว และเนื้อติดมัน) ด้วยไขมันไม่อิ่มตัว (เช่น ที่พบในถั่ว เมล็ดพืช มันปลา อะโวคาโด และน้ำมันจากพืชที่ดีต่อสุขภาพ) เพื่อลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ นั่นคือเราควรเปลี่ยนไขมันอิ่มตัวในอาหารของเราด้วยไขมันไม่อิ่มตัวต่อไป 

หลักฐานการศึกษาเรื่องไขมันอิ่มตัว

  • การแทนที่ไขมันอิ่มตัวด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนจะลด คอเลสเตอรอล LDL (ที่ไม่ดีต่อสุขภาพ) และอัตราส่วนคอเลสเตอรอลรวมต่อ HDL

  • องค์การอนามัยโลกพบหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าการแทนที่ไขมันอิ่มตัวด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ

  • มีการประเมินว่าการแทนที่พลังงาน 5% จากไขมันอิ่มตัวด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ 10% [Mozaffarian, 2010]

  • การแทนที่ไขมันอิ่มตัวด้วยอาหารคาร์โบไฮเดรตขัดสี (เช่น แป้งขาว น้ำตาล) ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ

เรากินไขมันอิ่มตัวมากแค่ไหน?

  • สำหรับหัวใจของคุณ เราแนะนำให้จำกัดการบริโภคไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ ไว้ที่ 8% ของพลังงานทั้งหมด
  • การสำรวจภาวะโภชนาการสำหรับผู้ใหญ่ในระดับชาติครั้งล่าสุดบอกเราว่า โดยเฉลี่ยแล้ว การบริโภคไขมันอิ่มตัวของเราสูงกว่าที่แนะนำไว้ที่ 13% ของพลังงานในแต่ละวัน  

* เนยเทียมนิวซีแลนด์โดยทั่วไปมีไขมันทรานส์ต่ำมาก (เช่น <1%)ต่ำกว่าระดับบนที่แนะนำโดยองค์การอนามัยโลก (WHO)

วิธีการทำเนย

Butter เป็นผลิตภัณฑ์นมที่มีสารอาหารหนาแน่นซึ่งได้มาจากนม ส่วนประกอบของเนยมีน้ำ 20% และเวย์ไขมันหรือของแข็งของนม 80%ซึ่งประกอบไปด้วยแลคโตน กรดไขมัน ไตรกลีเซอไรด์ ไดอะซิทิลและไดเมทิลซัลไฟด์ และเมทิลคีโตนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนประกอบเหล่านี้ทำให้เนยมีรสชาติดี เนยส่วนใหญ่มาจากนมวัว แต่คุณยังสามารถทำเนยจากนมควาย จามรี แกะ และแพะ

เนยมักเกิดจากการปั่นนมหรือครีม ในกระบวนการนี้จะแยกไขมันออกจากน้ำนม บางครั้งมีการใส่สีผสมอาหาร เนยจากนมวัวจะมีสีทอง เนยขาวจากน้ำนมควาย อุณหภูมิเกิดควันสูงถึง 1270 C 

เมื่อนำเนยไปแช่ตู้เย็นจะเป็นของแข็ง เนยมักจะละลายเมื่อได้รับความร้อน เนยเป็นแหล่งธรรมชาติของวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น A, D, E และ K ไขมันที่ละลายได้ในเนยนั้นย่อยง่าย ประกอบด้วยไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว 

การเอาน้ำและของแข็งของนมออกทำให้เนยใสขึ้น หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเนยใส ghee การทำเนยใสที่บ้านเป็นเรื่องปกติในอินเดียและประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เนยใสมีจุดเกิดควันสูงกว่าเนยและเหมาะสำหรับปรุงอาหาร ทอด และผัดอาหารบางประเภท 

นอกจากเนยที่ทำจากนมแล้ว ยังมีเนยที่ทำจากถั่วหลายชนิดวางจำหน่ายทั่วโลก นอกจากนี้ยังใช้เนยเพื่อทำแซนวิช แพนเค้ก และขนมปังแฟลตเบรดเป็นอาหารเช้าอีกด้วย อาหารจานสุขภาพพควรมีคาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ ไขมันดีและโปรตีน ดังนั้นส่วนผสมง่ายๆ เช่น ขนมปังธัญพืชปิ้งกับเนยและไข่ โรยหน้าด้วยมะเขือเทศและแตงกวา จะช่วยให้คุณได้รับสารอาหารทั้งหมดและทำให้คุณรู้สึกอิ่ม 


เนย

ข้อมูลทางโภชนาการของเนย

หลักฐาน USDA ทางโภชนาการต่อไปนี้สำหรับเนยจืด 100 กรัม:

  • พลังงาน: 714 Kcal

  • โปรตีน: 0g

  • ไขมัน (ไขมัน): 78.57g

    • ประกอบด้วยไขมันอิ่มตัว 50g 70%
    • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 25%
    • กรดไขมันทรานส์ 5 ถึง 10%
    • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 1 ถึง 2%
  • คาร์โบไฮเดรต: 0g

  • วิตามิน A: 2857 IU

  • กรดไขมันอิ่มตัวทั้งหมด:

  • กรดไขมันทรานส์:5-10%

  • ประกอบด้วยไขมันประมาณ 80% และน้ำ 20%


คุณค่าทางอาหารของเนย

เนยปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ (14 grams)จะมีคุณค่าทางอาหารดังนี้

  • แคลอรี่: 102
  • น้ำ: 16%
  • โปรตีน: 0.12 กรัม
  • แป้ง: 0.01 กรัม
  • น้ำตาล: 0.01 กรัม
  • ใยอาหาร: 0 กรัม
  • ไขมัน: 11.52 กรัม
    • ไขมันอิ่มตัว Saturated: 7.29 กรัม คิดเป็นร้อยละ 63
    • ไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว Monounsaturated: 2.99 กรัม คิดเป็นร้อยละ 26
    • ไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง Polyunsaturated: 0.43 กรัม คิดเป็นร้อยละ 4
    • ไขมันทรานส์Trans: 0.47 กรัม

เนยอุดมไปด้วยวิตามินที่ละลายในไขมัน

วิตามินที่พบมากได้แก่

  • Vitamin A พบปริมาณมากในเนยโดยพบว่าเนยหนึ่งช้อนโต๊ะ(14กรัม)จะมีวิตามินเอถึง 11 %ของที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน
  • Vitamin D เนยเป็นแหล่งที่มีวิตามินดีซึ่งจะทำให้การดูดซึมแคลเซี่ยมดีขึ้น
  • Vitamin E เป็นวิตามินที่ต้านสารอนุมูลอิสระ 
  • Vitamin B12 หรือที่เรียกว่า cobalamin วิตามินนี้พบเฉพาะในสัตว์เช่น เนื้อสัตว์ ไข่
  • Vitamin K2 หรือ menaquinone จะลดการเกิดโรคหัวใจและกระดูกพรุน พบว่าที่เลี้ยงด้วยหญ้าจะมีวิตามินชนิดนี้สูงกว่าวัวที่เลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป

เนยมีวิตามิน และแร่ธาตุส่งเสริมสุขภาพ เนยอุดมไปด้วยวิตามินที่ละลายในไขมันหลายชนิด เช่น A, E, D และ K วิตามิน A ช่วยในการมองเห็นที่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมสุขภาพผิวและลดผมร่วง วิตามินอีส่งเสริมคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระให้กับร่างกายและมีประโยชน์ในการกำจัดสารพิษในเลือด

เนยอุดมไปด้วยวิตามินเค วิตามิน K2 ช่วยให้กระดูกและกระดูกอ่อนมีความเสถียร ส่งเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนและความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อในกระดูก วิตามิน K1 และ K2 ส่วนใหญ่มีอยู่ในเนยเพื่อส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตที่เหมาะสม และช่วยลดความเป็นไปได้ของโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง วิตามินบี 12 หรือที่เรียกว่า Cobalamin ในเนยช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์ฮีโมโกลบินในเลือดและการแลกเปลี่ยนออกซิเจน พบมากในปลา ไข่ เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากนม

เนยไม่ใช่แหล่ง โปรตีน และ คาร์โบไฮเดรตที่มันอาจมีร่องรอยของเวย์โปรตีน โดยรวมแล้วเนยประกอบด้วยโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตในปริมาณเล็กน้อย

แม้ว่าเนยจะมีปริมาณไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่ค่อนข้างสูง แต่จากการศึกษาล่าสุดพบว่าการรับประทานเนยไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจ ล่าสุดได้มีการแนะนำให้รับประทานไขมันอิ่มตัวไม่เกินร้อยละ10 โดยรับประทานไขมันอิ่มอิ่มตัวหลายตำแหน่งเพิ่ม

ชนิดของไขมัน

อาหารที่เรารับประทานจะประกอบไปด้วยไขมันดังนี้

  • ไขมันอิ่มตัว (Saturated fat) พบมากในอาหารที่ผ่านขบวนการผลิต เช่น burgers น้ำมันปามล์ เนย น้ำมันมะพี้าว
  • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated fat)tพบมากใน avocados น้ำมันมะกอก (olive oil) ถั่วชนิดต่างๆ
  • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated fat)พบมากในปลา oily fish น้ำมันพืช
  • ไขมันทรานส์ (Trans fat) พบมากในเบเกอรรี่ cakes และ มาร์การีน

อาหารไขมันอิ่มตัวทำให้เกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้นหรือไม่

จากการศึกษาในอดีตเชื่อว่าคอเลสเตอรอลสูงทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ดังนั้นอาหารที่มีคอเลสเตอรรอลสูงก็เป็นสาเหตุของโรคหัวใจด้วย จึงทำให้มีการแนะนำให้ให้จำกัดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว เช่น นม เนย แต่จะการศึกษาล่าสุด พบว่าไขมันอิ่มตัวในอาหารบางชนิดไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจหรือตายจากโรคหัวใจเพิ่มขึ้น พบว่าหากเราลดไขมันอิ่มตัวและเพิ่มเป็นอาหารจำพวกแป้ง เช่นขนมปัง หรือข้าวจะไม่ลดอัตราการเสียชีวิต แต่หากทดแทนไขมันอิ่มตัวด้วยไขมันไม่อิ่มตัวจะลดการเกิดโรคหัวใจ แม้ว่าการรับประทานไขมันอิ่มตัวจะไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรงของการเกิดโรคหัวใจ แต่ก็ไม่ควรจะรับประทานมากเพราะไขมันอิ่มตัวทำให้ระดัยคอเลสเตอรอลในเลือดสูงขุ้น สมาคมแพทย์โรคหัวใจของอเมริกาแนะนำว่าไม่ควรรับประทานไขมันอิ่มตัวเกินร้อยละ10ของพลังงานที่ได้รับ และให้ทดแทนด้วยไขมันไม่อิ่มตัว ดดยลดอาหารจำพวกแป้ง

ไขมันแต่ละชนิดเหมือนกันหรือไม่

ไขมันอิ่มตัวจะมีปริมาณ carbon ต่างๆกัน

  • คาร์บอน 4 ตัวได้แก่ (butyric acid)
  • คาร์บอน 16 ตัวได้แก่ palmitic acid
  • คาร์บอน 18 ตัวได้แก่ stearic acid
  • คาร์บอน 24 ตัวได้แก่ lignoceric acid

ผู้ที่มีไขมันอิ่มตัวคาร์บอน 16 และ 18 ตัว ในเลือดสูงจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเพิ่มขึ้น แต่ผู้ที่มีไขมันอิ่มตัวคาร์บอน15หรือ17 ซึ่งพบในนมจะมีความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจลดลง ไขมันอิ่มตัวคาร์บอน 16 นอกจากมาจากอาหาร ร่างกายก็สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้หากรับประทานอาหารแป้งหรือแอลกอฮอลล์มาก

ไขมันในเนยเป็นไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

เนยมีไขมันอิ่มตัวที่มีประโยชน์

เนยมีไขมันอิ่มตัวชนิดโซ่สั้นและความยาวปานกลาง ไขมันนี้จะช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มไขมันชนิดดีคือ ไขมัน HDL นอกจากนั้นไขมั LDL ที่เพิ่มก็เป็นไขมัที่มีขนาดใหญ่ซึ่งไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ

ไขมันที่เป็นส่วนประกอบของเนย

  • Saturated: 68%.
  • Monounsaturated: 28%.
  • Polyunsaturated: 4%.

เนยมีไขมันอิ่มตัวที่มีประโยชน์

เนยมีไขมันอิ่มตัวชนิดโซ่สั้นและความยาวปานกลาง ไขมันนี้จะช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มไขมันชนิดดีคือ ไขมัน HDL นอกจากนั้นไขมัน LDL ที่เพิ่มก็เป็นไขมัที่มีขนาดใหญ่ซึ่งไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ

เนยเป็นแหล่งกรดไขมัน Butyrate

จากการทดลองพบว่ากรดไขมัน Butyrate จะป้องกันการเพิ่มของน้ำหนักในหนูทดลอง กรดไขมันนี้จะทำให้เบื่ออาหารและเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน และยังทำให้ไขมัน triglyceride และ insulin ลดลง สำหรับในคนพบว่ากรดไขมันนี้จะมีฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยเฉพาะในลำไส้ทำให้ดูดซึมน้ำและเกลือแร่เป็นปกติ สำหรับในคนพบว่ากรดไขมันนี้จะมีฤทธิ์ต้านการอักเสบนอกจากนั้นยังลดอาการปวดท้อง แน่นท้อง ทัองผูก และถ่ายเหลวในโรคคลำไส้แปรปรวน จากการทดลองพบว่ากรดไขมัน Butyrate จะป้องกันการเพิ่มของน้ำหนักในหนูทดลอง

ในสัตว์ทดลองพบว่าไขมัน Butyrate จะเพิ่มการตอบสนองของร่างกายต่ออินซูลิน

เนยอุดมไปด้วย Conjugated Linoleic Acid ( CLA )

กรดไขมัน Conjugated Linoleic Acid ( CLA ) จะมีฤทธิ์ป้องกันมะเร็งจากการทดลองพบว่ากรดไขมันนี้จะลดการโตของเซลล์มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งต่อมลุกหมาก มะเร็งตับ และลดปริมาณไขมันในร่างกาย และได้ถูกนำมาจำหน่ายเพื่อลดน้ำหนัก

Conjugated linoleic acid (CLA) เป็นกรดไขมันที่พบมากในเนยที่ทำจากวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า CLA ได้รับการพิจารณาว่าเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพสำหรับแต่ละบุคคล สามารถลดปริมาณไขมันในร่างกายทั้งหมด และลดความเสี่ยงต่อโรคอ้วนได้ การศึกษาผลของ CLA ในการลดปริมาณไขมันในร่างกายในมนุษย์ สรุปได้ว่า การบริโภค CLA 3.4 กรัมต่อวัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ติดต่อกัน สามารถลดปริมาณไขมันในร่างกายได้อย่างมากในคนที่เป็นโรคอ้วน

มีการศึกษาที่ขัดแย้งกันเล็กน้อยที่แสดงว่าการบริโภคเนยเป็นปัจจัยเสี่ยงในการทำให้มนุษย์อ้วน การศึกษาดังกล่าวบ่งชี้เพียงว่าการสะสมไขมันในร่างกายเนื่องจากการรับประทานเนย และผลิตภัณฑ์จากนมที่อุดมด้วยไขมันมากเกินไปทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นและทำให้เกิดโรคอ้วน   

มีกรด amino acid ที่จำเป็นสำหรับร่างกาย

เนยมีกรอ amino acid เช่น lauric acid ซึ่งจะป้องกันการติดเชื้อรา candida มีสาร lecithin ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเผาผลาญคอเรสเตอรอล

การรับประทานเนยจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจต่ำกว่าการรับประทานมาร์การีน

จากการาาพบว่าการรับประทานมาร์การีนจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนั้นยังศึกษาพบว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์ของนมจไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และยังอาจจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

เนยที่ทำจากนมวัวที่เลี้ยงด็วยหญ้าดีกว่าเนยที่ทำจากนมวัวที่เลี้ยงด้วยอาหารเม็ดหรือไม่

นมวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้าจะมีสารอาหารมากกว่านมวัวที่เลี้ยงด้วยอาหารเม็ดโดยเฉพาะ  omega-3 fatty acids , CLA และ carotenoids and tocopherols

ผลการวิจัยเกี่ยวกับไขมันอิ่มตัว และความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

มีการทบทวนเมื่อปี2014 เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการเกิดโรคหัวใจและไขมันอิ่มตัว พบว่าไขมันอิ่มตัวไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจโดยพบว่าอัตราส่วนระหว่าง LDL/HDL มีความสัมพันธ์เกี่ยวกับการเกิดโรคหัวใจมากกว่าค่าไขมัน Cholesterol หรือระดับ LDL แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถรับประทานไขมันได้ตามใจ สมาคมโรคหัวใจอเมริกาแนะนำว่าให้รับประทานไขมันอิ่มตัวได้ไม่เกิดร้อยละ5-6ของพลังงานทั้งหมด และแนะนำให้ให้ทดแทนเนยด้วยไขมันจากพืช


ประโยชน์ของเนย

ประโยชน์ต่อสุขภาพของเนย

การบริโภคเนยเป็นประจำในปริมาณที่พอเหมาะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เนื่องจากเนยให้แร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นหลายชนิดที่จำเป็นต่อการมีสุขภาพที่ดี ประกอบด้วยวิตามิน A และ D ซึ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาที่เหมาะสมของสมองและระบบประสาท โครงกระดูก และกระบวนการทางสรีรวิทยาหลายอย่าง นอกจากนี้เนยยังช่วยในการทำงานที่เหมาะสมของส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

1.ด้านสายตา

เบต้าแคโรทีนส่วนใหญ่พบในเนย นี่คือสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการมองเห็นที่ดีต่อสุขภาพและช่วยปกป้องดวงตา เบต้าแคโรทีนยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ความเสี่ยงของจอประสาทตาเสื่อมก็ลดลงเช่นกัน

2.ด้านกระดูก

แคลเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ เช่น ทองแดง สังกะสี ซีลีเนียม และแมงกานีสพบได้ในเนย เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างและรักษาความแข็งแรงของกระดูก และยังช่วยในการซ่อมแซมและการเจริญเติบโตของกระดูกอีกด้วย การแก่ก่อนวัยของกระดูก ข้ออักเสบ และโรคกระดูกพรุนอาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากการได้รับแร่ธาตุเหล่านี้ไม่เพียงพอ

3.ต่อมไทรอยด์

ต่อมไทรอยด์เป็นต่อมไร้ท่อที่สำคัญและเป็นตัวเชื่อมสำคัญในการเผาผลาญวิตามินเอ ผู้ที่มีความผิดปกติของต่อมไทรอยด์จะมีระดับวิตามินเอต่ำ เนยให้วิตามินเอที่เพียงพอ และการบริโภคเนยในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยบรรเทาปัญหาต่อมไทรอยด์ได้

4.หัวใจ

เนยแปรรูปจากธรรมชาติเป็นอาหารเพื่อสุขภาพหัวใจเมื่อรับประทานเป็นประจำในปริมาณที่พอเหมาะ ไขมันเนยประกอบด้วยคอเลสเตอรอลชนิดไลโปโปรตีนความหนาแน่นสูง (HDL) ซึ่งถือเป็นคอเลสเตอรอลชนิดดี กรดไขมันโอเมก้า 3 ในเนยยังลดระดับของกรดไขมันโอเมก้า 6 และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ

5.ควบคุมน้ำหนัก

เนยประกอบด้วยกรดไขมันสายยาวที่ไม่เพิ่มไขมันในร่างกายของคุณ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งไอโอดีนที่อุดมไปด้วย กรดไขมันสายยาวเหล่านี้จะถูกดูดซึมโดยลำไส้เล็กและเก็บไว้ในตับ ให้พลังงานแก่ร่างกายในทันทีและช่วยควบคุมน้ำหนัก 

จากการ ศึกษาต่อมไทรอยด์ต้องการไอโอดีนสำหรับการทำงาน ฮอร์โมนไทรอยด์ช่วยเพิ่มการเผาผลาญและฮอร์โมนไทรอยด์ช่วยรักษาน้ำหนักที่เหมาะสมอื่น แต่จากข้อเท็จของการศึกษาเมื่อปี คศ2012 พบว่าเมื่อรับประทานอาหารผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันสูง(รับประทานตามหลักโภขนาการ) พบว่าช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและโรคทาง metabolic และไม่ทำให้เกิดน้ำหนักเกิน

การรับประทานเนยในปริมาณที่พอเหมาะจะเป็นผลดีต่อสุขภาพ หากรับประทานมากเกินไปก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

6.เนยช่วยเพิ่มการทำงานของระบบทางเดินอาหาร

ตามการ วิจัยร่างกายต้องการคอเลสเตอรอลในอาหารเพื่อปกป้องเซลล์ในลำไส้และส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารที่สะอาดและแข็งแรง เนยประกอบด้วยไขมันชนิดหนึ่งที่เรียกว่าไกลโคสฟิงโกลิปิด มีประโยชน์ต่อการติดเชื้อในทางเดินอาหาร ช่วยให้อุจจาระนิ่ม และป้องกันอาการของ IBS

7.ช่วยเสริมการทำงานของภูมิคุ้มกัน

สารต้านอนุมูลอิสระและกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่พบในเนยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการกำจัดสารเคมีที่เป็นพิษออกจากร่างกายของเรา นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นสารต้านจุลชีพและสารต้านเชื้อรา ดังนั้นจึงช่วยทำลายหรือขัดขวางการเจริญเติบโตและกิจกรรมของจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านเนื้องอกและช่วยป้องกันความเป็นไปได้ของเนื้องอก เนย นมแม่ และน้ำมันมะพร้าวเป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติของกรดลอริก 

การ ศึกษา แสดงให้เห็นว่ากรดลอริกในเนยทำหน้าที่เป็นสารต้านไวรัส ช่วยป้องกันอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์) เช่น เอชไอวี/เอดส์ หูดที่อวัยวะเพศ และเริม

8.ป้องกันฟันผุและบำรุงกระดูก

บัตเตอร์เป็นแหล่งวิตามิน K1 ที่โดดเด่น และ K2 มีบทบาทสำคัญในการทำให้ฟันผุและช่วยให้กระดูกฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังจากได้รับบาดเจ็บ จากการวิจัยพบว่าวิตามิน K2 และวิตามินดีช่วยให้โครงสร้างกระดูกและกระดูกอ่อนมีความเสถียร และยังช่วยส่งเสริมการสังเคราะห์คอลลาเจนและความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อในกระดูก

9.เสริมสร้างการเจริญเติบโตและพัฒนาการ

สารอาหารในเนยมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก และจำเป็นต่อการพัฒนาไขกระดูก นอกจากนี้ ธาตุอาหารหลักที่มีอยู่ในเนยยังช่วยการทำงานของสมองและระบบประสาท จากการ ศึกษา ที่เชื่อมโยงผลของเนยใสวัวและเนยที่มีต่อความทรงจำของหนูวิสตาร์

เนยยังช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายเพราะมีโปรตีนในปริมาณที่ดีที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังประกอบด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส ไนอาซิน และไรโบฟลาวินในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตโดยรวม

10.ช่วยป้องกันมะเร็ง

เนยอุดมไปด้วยแร่ธาตุเช่นซีลีเนียมและช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกายของเรา การ ศึกษา ชี้ให้เห็นว่าเนยยังอุดมไปด้วย CLA (Conjugated Linoleic acid) ซึ่งป้องกันการเจริญเติบโตของเนื้องอกมะเร็ง 

การวิจัย แสดงให้เห็นว่าวิตามิน K2 ช่วยหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ของมะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งเต้านม นอกจากนี้ คุณสามารถใช้รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และช่วยเรื่องแคลเซียมเกาะในหลอดเลือดแดงและเส้นเลือดดำ นอกจากนี้ยังส่งเสริมการทำงานของภูมิคุ้มกันที่สำคัญ

11.ดีต่อหัวใจและตับ

จากการ วิจัยเนยมีโคลีนที่ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี และลดไขมันพอกตับ จากการ ศึกษาพบว่าเนยยังช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอล HDL (High-density lipoprotein) ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังส่งเสริมอัตราการเต้นของหัวใจให้แข็งแรง ปรับสมดุลค่า pH ของเลือด และป้องกันเซลล์เม็ดเลือด (วิตามินอี) จากความเครียดจากสารต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้นจึงมีบทบาทสำคัญในการลด CVD

12.ดีต่อสุขภาพผิว เล็บ และผม

สารอาหารที่จำเป็นบางอย่างในเนยช่วยส่งเสริมการไหลเวียนของเลือดบนหนังศีรษะที่เหมาะสม รักษาผิวที่ไหม้จากแสงแดด ป้องกันริ้วรอยก่อนวัย นอกจากนี้ยังช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมและช่วยให้ผิวและเล็บงอกใหม

ผลเสียของเนย

แม้ว่าเนยจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วประกอบด้วยไขมัน ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาที่ไม่พึงประสงค์มากมายหากบริโภคมากเกินไป ได้แก่ โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และมะเร็ง นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่าการใช้แป้งขาวในสถานการณ์ส่วนใหญ่ที่มีการบริโภคเนยเป็นตัวการหลักในการทำให้เกิดโรคอ้วน และภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้อง ในกรณีส่วนใหญ่ การบริโภคเนยในระดับปานกลางจะช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพส่วนใหญ่ รวมถึงระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในระดับสูง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่เป็นโรคหัวใจหรือ ความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว พวกเขาอาจจำเป็นต้องจำกัดการบริโภคเนยอย่างระมัดระวัง หรือแม้แต่หลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิงสักระยะหนึ่ง

การบริโภคเนยในปริมาณสูงอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลให้เกิดโรคเบาหวานประเภท 2 ได้เช่นกัน ระดับไขมันในเลือดสูงจะส่งผลต่อการสร้างอินซูลินในเซลล์ β ซึ่งส่งผลให้เกิดโรคเบาหวานได้

อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการรับประทานเนยในปริมาณที่จำกัดเป็นประจำนั้นมีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพ

ผลข้างเคียงบางประการของไขมันอิ่มตัวในเนยสามารถนำไปสู่โรคอ้วนและผลกระทบที่รุนแรง เช่น หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง และสมองเสื่อมหากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเนยมากขึ้น

1.ความเสี่ยงสูงต่อภาวะสมองเสื่อม

หากคุณบริโภคมากขึ้น อาหารที่อุดมด้วยไขมัน เช่น เนื้อ นม และเนย อาจทำให้สมองหดตัวเนื่องจากระดับไขมันในอวัยวะภายในร่างกายของคุณเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สมองทำงานผิดปกติและเพิ่มโอกาสเกิดภาวะสมองเสื่อมได้

2.ความอ้วน

เนยหนึ่งช้อนเต็มมีมากกว่า 100 kCal และมาจากไขมันอิ่มตัว การบริโภคเนยมากเกินไปสามารถเพิ่มไขมันในช่องท้องในร่างกายของเราได้ จากการ วิจัยพบว่ามันอาจสะสมในบริเวณท้องส่วนล่างซึ่งนำไปสู่โรคร้ายได้ เช่น โรคอ้วน โรคหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง ลิ่มเลือด โรคอัลไซเมอร์ มะเร็ง และเบาหวานชนิดที่ 1 และ 2 

3.ความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

การบริโภคเนยมากเกินไปอาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีเพิ่มขึ้น เนื่องจากไขมันอิ่มตัวสูงในเนย จากการ ศึกษาพบว่า คอเลสเตอรอลชนิด LDL อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด และทำให้หลอดเลือดกลายเป็นปูน ลิ่มเลือด และหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ การกินเนยมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อการไหลเวียนโลหิต

4.ความเสี่ยงของการติดเชื้อที่คอ 

บุคคลที่ไวต่อการแพ้นมควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเนย การรับประทานอาหารที่มีไขมันมากเกินไป เช่น เนย นม และเนื้อสัตว์สามารถนำไปสู่การติดเชื้อที่คอ แผลที่ลิ้น และเป็นหวัดได้

5.ปฏิกิริยาการแพ้ของเนย

ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น เนย นม เนยใส เนื้อสัตว์ และไข่ ถือเป็นสารก่อภูมิแพ้ในอาหารที่สำคัญ ผู้ที่แพ้นมควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเนย หากคุณรู้สึกไม่สบายท้องหลังจากบริโภคเนย คุณอาจมีอาการแพ้มากกว่าการแพ้ หลังจากบริโภคผลิตภัณฑ์นมแล้ว อาการท้องอืด มีแก๊ส คลื่นไส้ หรือท้องเสียล้วนเป็นอาการของการแพ้แลคโตส 

หากคุณมีอาการแพ้แลคโตสอย่างรุนแรง ให้หลีกเลี่ยงเนยหรือปรึกษาแพทย์ เนยมีแลคโตสเล็กน้อย จากการ วิจัยคนที่แพ้แลคโตสสามารถกินแลคโตสได้มากถึง 12 กรัมต่อครั้งโดยไม่มีอาการ 

สมมติว่าคุณมีอาการแพ้นมหรือมีความผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือดหรือไต ในกรณีนี้ คุณควรหลีกเลี่ยงเนยหรือไปพบแพทย์ก่อนที่จะเปลี่ยนอาหาร นอกจากนี้ยังทำให้เกิดผื่น คันตามผิวหนัง หายใจลำบาก ลมพิษ คันตา และท้องร่วง 

อาการและภาวะแทรกซ้อนของคอเลสเตอรอลในเลือดสูง

การวินิจฉัยคอเลสเตอรอลสูงทำได้โดยการเจาะเลือด เนื่องจากคอเลสเตอรอลสูงที่ไม่มีอาการ การมีคอเลสเตอรอลสูงทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดโรค

 

คอเลสเตอรอลอยู่ในเนยมากแค่ไหน?

เนยจืดหนึ่งช้อนโต๊ะมีคอเลสเตอรอล 31 มิลลิกรัม (มก.) คำแนะนำก่อนหน้านี้ของกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาคือการบริโภคคอเลสเตอรอลระหว่าง 100 – 300 มก. ต่อวัน อย่างไรก็ตาม หลักฐานไม่สนับสนุนว่าคอเลสเตอรอลในอาหารมีบทบาทสำคัญในระดับคอเลสเตอรอลในเลือด

สารทดแทนเนย

คุณสามารถช่วยลดความเสี่ยงของคอเลสเตอรอลสูงได้โดยการแทนเนยธรรมดาด้วยเนยที่มีที่มีไขมันอิ่มตัวต่ำกว่า หรือได้รับการพิสูจน์ว่ามีผลกระทบต่อความเสี่ยงโรคหัวใจน้อยลง เช่น:

  • เนยที่ทำจากวัวเลี้ยงด้วยหญ้า
  • อะโวคาโด
  • น้ำมันมะพร้าว
  • น้ำมันมะกอก
  • โยเกิร์ต

บางรายการสามารถเปลี่ยนเป็นเนยได้โดยใช้การวัดแบบเดียวกัน ตัวอย่างเช่น การปันส่วน 1 ต่อ 1 หมายความว่าถ้าคุณต้องการเนย 1 ช้อนโต๊ะ คุณสามารถใช้เนยที่เลี้ยงด้วยหญ้า 1 ช้อนโต๊ะแทนได้ สิ่งทดแทนอื่นๆ จะต้องใช้ทักษะทางคณิตศาสตร์บางอย่างเพื่อกำหนดปันส่วนที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น หากสูตรต้องใช้เนย 1 ช้อนโต๊ะ คุณสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำมันอะโวคาโดหรือน้ำมันมะกอก ½ ช้อนโต๊ะ

grass-fed butter 1 to 1
Earth Balance spread 1 to 1
applesauce 1 to 1, but in baked goods, only replace up to half of the fat with applesauce
banana 1 to 1, but in baked goods, only replace up to half of the fat with mashed banana
coconut oil 1 to 1
avocado oil half
olive oil half

โยเกิร์ตไขมันต่ำยังใช้ทดแทนเนย หรือใช้ครีมเปรี้ยวทาบนมันฝรั่งอบ หรือใช้สเปรย์บัตเตอร์ช่วยเพิ่มรสเนยให้กับผักและข้าวโพดคั่ว

การใช้เนยเป็นตัวเลือกอาหาร่ดีกว่าการใช้มาร์การีนที่เติมไฮโดรเจน เนื่องจากมีไขมันทรานส์น้อยกว่า อย่างไรก็ตาม American Heart AssociationTrusted Source (AHA) ระบุว่าทั้งเนยและมาร์การีนสามารถเพิ่มคอเลสเตอรอล LDL ได้ แต่มาร์การีนนั้นมากกว่า

คุณอาจต้องการจำกัดการบริโภคอาหารอื่นๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อคอเลสเตอรอลของคุณ อาหารเหล่านี้อาจเพิ่ม LDL ของคุณและส่งผลเสียต่อ HDL ของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณควรจำกัดการบริโภคของเหล่านี้

  • อาหารทอดที่
  • น้ำมันที่ผ่านขบวนการผลิต
  • ขนมอบ
  • มาร์การีนเติมไฮโดรเจน(มาร์การีนแข็ง)
  • แอลกอฮอล์

การใช้เนย

เนยมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มรสชาติในอาหารหลายชนิด เช่น ขนมหวาน ซอส ซุป ไอศกรีม มิลค์เชค พาย คุกกี้ เนื้อสัตว์ ขนมปัง ไอศกรีม เครื่องดื่ม และอาหารประเภทผัก ต่อไปนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการใช้เนย:-

เนยสำหรับเบเกอรี่ 

เนยช่วยเพิ่มรสชาติ โครงสร้าง และความนุ่มของอาหารอบ เช่น แพนเค้ก ขนมปัง คุกกี้ พาย และมัฟฟิน นอกจากนี้ เนยรวมกับส่วนผสมที่เหมาะสมยังทำหน้าที่เป็นสารอิมัลซิไฟเออร์

เนยสำหรับทำคาราเมล

ใส่เนย 1 ช้อนโต๊ะเต็มลงในกระทะร้อน จากนั้นใส่ผักลงในเนยเล็กน้อยแล้วปรุงด้วยไฟอ่อนจนเป็นสีน้ำตาล

เนยสำหรับทอดในกระทะ 

ใส่เนย 1 ช้อนลงในกระทะ แล้วใส่เต้าหู้ ปลา หรือเนื้อหั่นชิ้นเล็กๆ ลงไปผัดกับเนยน้อย ทำให้อาหารมีสีน้ำตาล ทอดด้วยไฟปานกลางจนสุกทั่ว ปรับความร้อนที่เหมาะสมหากจำเป็น

ซอสปรุงรส

ก่อนเสิร์ฟ ละลายเนย 1 ช้อนโต๊ะในกระทะร้อนแล้วโยนผักและส่วนผสมอื่นๆ เช่น แป้งสาลีและนม จากนั้นหากจำเป็นให้ปรับความร้อน สุดท้ายผัดจนผักไม่ดิบหรือซอสมีฟอง ขอแนะนำให้ใช้เนยเย็นเพื่อป้องกันไม่ให้ซอสของคุณกระจาย

การเก็บรักษาและความปลอดภัยของอาหารของ Butter

Butter มักจะระเหยง่าย ช่วยดูดซับกลิ่นรุนแรงจากอาหารอื่นๆ เช่น เนื้อสัตว์ ขนุน ฯลฯ เก็บในขวดที่ปิดสนิทที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40°C และห่างจากแสงแดดโดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบรรยากาศ คุณสามารถเก็บเนยไว้ในตู้เย็นได้นานถึง 8 สัปดาห์และ 1 ถึง 2 วันที่อุณหภูมิห้อง เพื่อป้องกันการเหม็นหืน เก็บเนยไว้ในภาชนะที่มีอากาศถ่ายเท

ข้อจำกัดในการบริโภคเนยทุกวัน

จากการ วิจัยเนยมีทั้งไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว เนยสองช้อนโต๊ะมีไขมันอิ่มตัว 14 กรัม ดังนั้น การบริโภคเนยมากเกินไปอาจเพิ่มโอกาสของโรคหัวใจและหลอดเลือด การเกิดหินปูนในหลอดเลือดแดงและโรคหลอดเลือดสมอง บุคคลที่มีสุขภาพดีสามารถบริโภคเนยได้เพียง 10 ถึง 13 กรัมต่อวัน และการบริโภคมากเกินไปสามารถเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีได้ 

ข้อแนะนำการใช้เนย

  1. เนยจะมีไขมันอิ่มตัว และไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและไขมันทรานส์ต่ำทำให้เนยมีอุณหภูมิเกิดควันสูงสามารถใช้ทอดอาหารได้
  2. เนยมีสารอาหารและวิตามินที่เป็นผลดีต่อสุขภาพหลายประการจึงจำเป็นต้องรับประทาน
  3. ต้องจำกัดปริมาณเนยที่รับประทาน เนื่องจากข้อแนะนำให้รับประทานไขมันอิ่มตัวไม่เกินร้อยละ10ของพลังงานที่ได้รับทั้งหมด ดังนั้นคนทั่วไปที่รับประทานอาหาร2000แคลอรี่ จะรับประทานไขมันอิ่มตัวได้ไม่เกิน200แคลอรี่ซึ่งคิดเป็น22กรัม เนยหนึ่งช้อนโต๊ะจะมีไขมันอิ่มตัว 7 กรัมดังนั้นรับประทานเนยได้ไม่เกิน3ช้อนโต๊ะ(เท่ากับ9ชช) แต่หากคิดไขมันที่เรารับประทานวันละไม่เกิน 6 ช้อนชาดังนั้นเรารับประทานเนยได้ไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา
  4. จะต้องระวังไขมันอิ่มตัวที่มากับอาหารอื่นด้วย
  5. เนยสำหรับนำไปใช้ได้หลายวิธีเช่น ทอด ทำสลัด หมัก แต่งหน้า

เรียบเรียงวันที่ 2/1/2566

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

 

ข้อมูลอ้างอิง:

 

  1. https://www.healthifyme.com/
  2. https://www.heartfoundation.org.nz/
  3. https://www.thesun.co.uk/ 
  4. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/
  5. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/
  6. https://ndb.nal.usda.gov/
  7. https://www.organicfacts.net/
  8. https://nutritionfacts.org/
  9. http://www.webexhibits.org/
  10. http://www.diethealthclub.com/
  11. http://jn.nutrition.org/

 

Google
 

เพิ่มเพื่อน