หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
เผยแพร่เมื่อ:
โดย: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
Acyclovir (อะไซโคลเวียร์) เป็นยาต้านไวรัสในกลุ่มนิวคลีโอไซด์อะนาล็อก (Nucleoside Analog) ที่ออกฤทธิ์ต่อไวรัสในกลุ่ม Herpesviridae เช่น Herpes Simplex Virus (HSV-1 และ HSV-2) ซึ่งทำให้เกิดเริมที่ปากหรืออวัยวะเพศ, Varicella-Zoster Virus (VZV) ซึ่งทำให้เกิดอีสุกอีใสและงูสวัด ยานี้ทำงานโดยยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสผ่านการรบกวนการสังเคราะห์ DNA ของไวรัส ช่วยลดความรุนแรงของอาการและเร่งการฟื้นตัวของร่างกาย Acyclovir มีทั้งรูปแบบยาเม็ด, ยาทา, ยาน้ำ, และยาฉีด เพื่อให้เหมาะกับการรักษาในแต่ละกรณี
Acyclovir ได้รับการขึ้นทะเบียนเพื่อรักษาและบรรเทาอาการจากโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเริ่มใช้ยาตั้งแต่เริ่มมีอาการ ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการเจ็บป่วยและความรุนแรงของอาการ ดังนี้:
หมายเหตุ: ยานี้ไม่สามารถกำจัดไวรัสได้โดยสิ้นเชิง แต่ช่วยควบคุมการแพร่กระจายและลดอาการ
ขนาดยาขึ้นอยู่กับประเภทของโรค, อายุ, และสภาพร่างกายของผู้ป่วย ควรเริ่มใช้ยาให้เร็วที่สุดเมื่อมีอาการแรกเริ่มเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด คำแนะนำทั่วไปมีดังนี้:
การใช้งาน | รูปแบบยา | ขนาดยา | ระยะเวลา |
---|---|---|---|
เริมที่ปากหรืออวัยวะเพศ | ยาเม็ด | 200 มก. ทุก 4 ชั่วโมง (5 ครั้ง/วัน) | 5-10 วัน |
งูสวัด | ยาเม็ด | 800 มก. ทุก 4 ชั่วโมง (5 ครั้ง/วัน) | 7-10 วัน |
อีสุกอีใส | ยาเม็ด | 800 มก. ทุก 6 ชั่วโมง | 5 วัน |
เริมที่ปาก (ทา) | ยาทา | ทาวันละ 5 ครั้ง (ห่าง 4 ชั่วโมง) | 5-10 วัน |
วิธีใช้ยาทา:
คำแนะนำเพิ่มเติม:
ผลข้างเคียงของ Acyclovir แบ่งตามความรุนแรงดังนี้:
หากมีอาการรุนแรง ควรหยุดยาและพบแพทย์ทันที
หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
ผู้ป่วยโรคไต ควรได้รับการปรับขนาดยา
หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับยาอื่นที่อาจส่งผลต่อไต เช่น ยาขับปัสสาวะหรือยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs
ควรป้องกันการแพร่เชื้อ โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้อื่นขณะติดเชื้อ
ยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับ Acyclovir:
คำแนะนำ: แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่ ดื่มน้ำมาก ๆ และปรึกษาแพทย์หากต้องใช้ยาร่วม
ผู้ป่วยที่มีโรคไต ต้องระวังการให้ยานี้ และอาจต้องปรับขนาดยา
สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจมีความเสี่ยงต่อภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ควรติดตามผลเลือด
การให้ยาควรเริ่มภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากเริ่มมีผื่นหรืออาการแรกเริ่มของโรค เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด
หลีกเลี่ยงการให้ร่วมกับยาที่มีพิษต่อไต เช่น ยาขับปัสสาวะบางชนิด หรือยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs เพราะอาจทำให้ไตเสื่อมได้
ผู้ป่วยต้องได้รับสารน้ำเพียงพอ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่ไตและป้องกันภาวะไตวายเฉียบพลัน
Acyclovir เป็นยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาการติดเชื้อจากไวรัสเฮอร์พีส์ เช่น เริม, งูสวัด, และอีสุกอีใส ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ โดยเริ่มใช้ยาเร็วที่สุดเมื่อมีอาการ และดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่ไต หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทันที
หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถแทนคำแนะนำจากแพทย์ได้
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว