หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
Panic Disorder (โรคตื่นตระหนก) เป็นภาวะทางจิตเวชที่มีลักษณะเฉพาะคือการเกิด Panic Attacks (อาการตื่นตระหนก) ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและซ้ำ ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน ผู้ป่วยจะรู้สึกกลัวอย่างรุนแรงว่ากำลังจะเกิดหายนะหรือสูญเสียการควบคุม แม้ว่าจะไม่มีอันตรายที่แท้จริงก็ตาม อาการเหล่านี้อาจนำไปสู่ภาวะอื่น ๆ เช่น Agoraphobia ซึ่งเป็นความกลัวการอยู่ในที่โล่งหรือที่ที่หลีกหนีได้ยาก การทำความเข้าใจโรคนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที
Panic Disorder เป็นโรคทางจิตเวชที่ผู้ป่วยจะเผชิญกับอาการตื่นตระหนกซ้ำ ๆ และมีความกังวลอย่างต่อเนื่องว่าจะเกิดอาการซ้ำอีกครั้ง ซึ่งความกลัวนี้สามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ทำให้ผู้ป่วยเริ่มหลีกเลี่ยงสถานที่หรือสถานการณ์ที่เคยเกิดอาการ หรือแม้แต่หลีกเลี่ยงกิจกรรมปกติ เช่น การขับรถหรือการไปซื้อของ
แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัยผสมผสานกัน:
พันธุกรรม: โรคตื่นตระหนกมักจะพบได้ในครอบครัวเดียวกัน
ความผิดปกติในสมอง: มีการค้นพบว่าสมองบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับความกลัวและความวิตกกังวลทำงานผิดปกติ
ความเครียดและปัจจัยแวดล้อม: เหตุการณ์ที่สร้างความเครียดในชีวิต เช่น การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
การใช้สารเสพติด: การใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจกระตุ้นให้เกิดโรคนี้ได้
อาการของ Panic Attack มักจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและรุนแรง โดยจะขึ้นถึงจุดสูงสุดภายใน 10 นาที และอาจมีอาการนานกว่านั้นได้ อาการทางร่างกายที่สำคัญได้แก่:
หัวใจเต้นเร็วหรือใจสั่น
เหงื่อออกมากผิดปกติ
หายใจลำบาก หรือรู้สึกสำลัก
รู้สึกวิงเวียน หน้ามืด หรือจะเป็นลม
อาการเสียวซ่าหรือชาตามมือและเท้า
ปวดหน้าอก หรือปวดท้อง
ร้อนวูบวาบ หรือรู้สึกหนาวสั่น
ความรู้สึกกลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้หรือกำลังจะตาย
โรคตื่นตระหนกพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า และมักเริ่มต้นในช่วงวัยรุ่นตอนปลายหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เคยมีอาการตื่นตระหนกจะพัฒนาเป็นโรคนี้ บางคนอาจมีอาการเพียงครั้งเดียวแล้วไม่เป็นอีกเลย
การวินิจฉัย: แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียดเพื่อตัดความเป็นไปได้ของโรคทางกายอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายกัน เช่น โรคหัวใจ หลังจากนั้นอาจส่งต่อให้จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อประเมินและวินิจฉัยอย่างถูกต้อง
การรักษา: โรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้เกือบ 90% ของผู้ป่วย โดยมักใช้การรักษาแบบผสมผสาน ได้แก่:
จิตบำบัด (Psychotherapy): โดยเฉพาะ Cognitive Behavioral Therapy (CBT) ซึ่งจะช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบความคิดและพฤติกรรมที่นำไปสู่ความกลัวและความวิตกกังวล
การใช้ยา (Medication): แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาในกลุ่ม:
ยาต้านเศร้า (Antidepressants): เช่น Paxil, Zoloft ซึ่งแม้จะใช้เวลานานกว่าจะออกฤทธิ์ แต่มีประสิทธิภาพในการรักษา
ยาคลายกังวล (Anti-anxiety medications): เช่น Xanax, Ativan, Klonopin ซึ่งออกฤทธิ์เร็วแต่ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
ยา Beta-blockers: ใช้เพื่อควบคุมอาการทางกายบางอย่าง เช่น หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก
แม้จะรักษาหายแล้ว ผู้ป่วยบางรายอาจกลับมามีอาการได้อีกในภายหลัง แต่การรักษาเพิ่มเติมก็ยังสามารถช่วยควบคุมอาการได้ นอกจากนี้ การดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันก็มีความสำคัญ:
ลดปัจจัยกระตุ้น: งดหรือลดปริมาณคาเฟอีน, กาแฟ, ชา, หรือเครื่องดื่มชูกำลัง
ออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์: ช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลของร่างกาย
ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาอื่น: ยาที่หาซื้อเองหรือสมุนไพรบางชนิดอาจมีสารที่กระตุ้นอาการวิตกกังวลได้
โรคตื่นตระหนกไม่ใช่เรื่องน่าอับอายและสามารถรักษาให้หายได้ การเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้โรคลุกลามจนเป็น Agoraphobia ซึ่งจะทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงอย่างมาก