การเจาะน้ำคร่ำ Amniocentesis

น้ำคร่ำคืออะไร

น้ำคร่ำก็คือของเหลว ใส สีเหลืองอ่อนที่อยู่ล้อมรอบทารกในครรภ์ ส่วนประกอบของน้ำคร่ำประกอบไปด้วยน้ำ 98% และสารต่างๆอีก 2% ซึ่งจะมีเซลล์ของทารกที่หลุดออกมาปนอยู่ด้วย เมื่อตั้งครรภ์ครบกำหนด (40 สัปดาห์) จะมีปริมาณของน้ำคร่ำประมาณ 1,000 ml. ที่ล้อมรอบทารกอยู่ น้ำคร่ำจะไหลเวียนโดยการเคลื่อนไหวตัวของทารกทุกๆ 3 ชั่วโมง

ประโยชน์ของน้ำคร่ำ

  1. ป้องกันทารกจากการกระทบกระเทือน
  2. ทารกเคลื่อนไหวร่างกายได้สะดวกเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรง
  3. ควบคุมอุณหภูมิที่แวดล้อมทารกให้คงที่
  4. ป้องกันการสูญเสียความร้อนของทารก
  5. เป็นแหล่งของน้ำที่ทารกกลืนเข้าไป

ความผิดปกติของปริมาณน้ำคร่ำ

  • การมีปริมาณน้ำคร่ำมากกว่าปกติจะเรียกว่า Polyhydraminos เป็นสภาวะที่เกิดขึ้นบ่อยๆ สำหรับการตั้งครรภ์แฝด หรือ อาจเกิดจากความพิการแต่กำเนิดของทารกบางอย่าง เช่น Hydrocephalus
  • การมีปริมาณน้ำคร่ำน้อยกว่าปกติจะเรียกว่า Oligohydraminos สภาวะดังกล่าวจะเป็นสาเหตุทำให้ทารกไม่เจริญเติบโตตามปกติ
เจาะน้ำคร่ำ

เมื่อไรจะเจาะน้ำคร่ำ

มักจะเจาะน้ำตร่ำเมื่ออายุครรภ์ได้ 14-20 สัปดาห์ซึ่งจะเป็นการเจาะเพื่อตรวจความผิดปกติของโครโมโซม แต่ก็สามารถเจาะเมื่อมีข้อบ่งชี้ เช่นเมื่อมีน้ำเดินก่อนกำหนดแพทย์จะเจาะน้ำคร่ำเพื่อวินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ หรือตรวจว่าปอดเด็กแข็งแรงเพียงพอหรือยัง การเจาะน้ำคร่ำไม่ต้องงดน้ำงดอาหารก่อนทำ   ก่อนเจาะ 3 – 4 ชั่วโมงควรดื่มน้ำมากๆเพื่อให้แน่ใจว่ามีปริมาณของน้ำคร่ำเพียงพอและไม่จำเป็นต้องให้กระเพาะปัสสาวะเต็มก่อนทำ

 

ข้อบ่งชี้ในการเจาะน้ำคร่ำ

  • เพื่อวินิจฉัยความผิดปกติทางโครโมโซม เช่นโรค Down syndrome,cystic fibrosis
  • เพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อในน้ำคร่ำ
  • เพื่อประเมินความแรงของปอดของทารก
  • ความผิดปกติของโครงสร้างของร่างกาย เช่น Spina bifida (การเปิดของสันหลัง กระดูกสันหลังไม่ปิด) และ Anencephaly (สภาวะที่สมองไม่สมบูรณ์ หรือไม่มีสมอง)

การตรวจน้ำคร่ำในการตั้งครรภ์ระยะใกล้คลอดสามารถใช้วินิจฉัยปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ เช่น ปัญหาของกลุ่มเลือด หรือ การติดเชื้อ  และยังช่วยบอกถึงความพร้อมของทารกว่าเติบโตเต็มที่ ปอดสมบูรณ์พอที่จะมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่หากเกิดการคลอดก่อนกำหนด

วิธีการเจาะน้ำคร่ำ

  • แพทย์จะทำการตรวจครรภ์โดยจะใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์เพื่อคาดคะเนอายุครรภ์ที่แน่นอน จำนวนของทารก การเต้นของหัวใจ ท่าและตำแหน่งของทารก ตำแหน่งของรก ว่าอยู่ที่ตรงไหนเพื่อป้องกันไม่ให้เข็มแทงไปถูกทารก สายสะดือ หรือรก
  • ก่อนเจาะแพทย์จะเตรียมผิวหนังหน้าท้องบริเวณที่จะเจาะโดยทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อ บางครั้งอาจจำเป็นต้องใช้ยาชาเฉพาะที่ฉีดใต้ผิวหนัง
  • แพทย์จะใช้เข็มเล็กๆ ยาวๆเจาะผ่านผนังหน้าท้อง ผ่านลงไปที่มดลูก เข้าไปในถุงน้ำคร่ำแล้วดูดเอาน้ำคร่ำปริมาณ 15 -30 ml. (1ml. / อายุครรภ์ 1 สัปดาห์) ออกมานำไปปั่นหาเซลล์ของทารก เพื่อตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซมต่อไป       
  • การเจาะน้ำคร่ำใช้เวลาเพียง 2 –3 นาที คุณแม่สามารถกลับบ้านได้เลย ไม่จำเป็นต้องนอนพักที่โรงพยาบาล ภายใน 12 ชั่วโมงร่างกายจะสร้างน้ำคร่ำมาทดแทนได้เหมือนเดิม
  • การเจาะน้ำคร่ำอาจมีความรู้สึกเจ็บเหมือนถูกเข็มแทงสัก 2 -3 วินาที แต่เมื่อเข็มแทงผ่านลงไปแล้วความรู้สึกนั้นก็จะหายไป ความกลัวเข็มและเกร็งหน้าท้องขณะทำจะทำให้เจ็บมากขึ้น คุณแม่บางท่านจะมีควมรู้สึกเหมือนถูกกดบริเวณท้องน้อยขณะที่มีการดูดน้ำคร่ำออกไป หลังจากเจาะน้ำคร่ำเสร็จแล้วบางรายอาจรู้สึกเกร็งเล็กน้อย การนอนพักสักระยะจะทำให้ดีขึ้น ผลการตรวจจะทราบภายใน 2 – 3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการพัฒนาของเซลล์ และขั้นตอนในห้องปฏิบัติการ

ผลข้างเคียงและความเสี่ยงของการเจาะน้ำคร่ำ

แม้ว่าการเจาะน้ำคร่ำจะเป็นการใช้เข็มเจาะเข้าไปในมดลูกเพื่อดูดน้ำคร่ำ แต่เป็นการเจาะที่ค่อนข้างปลอดภัย ผลข้างเคียงที่อาจจะพบได้แก่

  • การแท้งพบได้ประมาณ1ต่อ200-400 การแท้งอาจจะเกิดจากการติดเชื้อหรือการที่มดลูกบีบตัวมาก
  • อาการปวดท้องของคุณแม่
  • รูที่เจาะมีน้ำรั่ว
  • คันตรงที่เจาะ
การตั้งครรภ์ การตรวจขณะตั้งครรภ์