ปริมาณการใช้ยา Acyclovir
ยาฉีด
ป้องกันโรคเริมในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ใหญ่ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 8 ชั่วโมง ติดต่อกัน 5-7 วัน โดยให้ทางหลอดเลือดดำติดต่อกันมากกว่า 1 ชั่วโมง
- เด็ก อายุมากกว่า 3 เดือน-12 ปี ให้ครั้งละ 250 มิลลิกรัมต่อพื้นที่ร่างกาย 1 ตารางเมตร ทุก ๆ 8 ชั่วโมง ติดต่อกัน 5-10 วัน โดยให้ทางหลอดเลือดดำติดต่อกันมากกว่า 1 ชั่วโมง
รักษาโรคไวรัสสมองอักเสบ (Herpes Simplex Encephalitis)
- ผู้ใหญ่ 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 8 ชั่วโมง โดยให้ทางหลอดเลือดดำติดต่อกันมากกว่า 1 ชั่วโมงเป็นเวลา 14-21 วัน
- เด็ก อายุมากกว่า 3 เดือน-12 ปี ให้ยา 20 มก/น้ำหนักตัว1กก ให้ทุก 8 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วันอาจจะให้นานถึง 21 วัน
- อายุมากกว่า 12 ปีให้ยาขนาด 10-15 มก/น้ำหนัก ทุก 8 ชั่วโมงเป็นเวลา 14-21 วัน
รักษาอาการโรคเริมที่อวัยวะเพศในครั้งแรก
- เริมให้ขาดยา 200 มก รับประทานทุก 4 ชั่วโมง วันละ 5 ครั้งเป็นเวลา 10 วัน หรือให้รับประทาน 400 มก ทุก 8 ชั่วโมงเป็นเวลา 7-10 วัน
- สำหรับผู้ที่เป็นโรคเริมซ้ำจะให้ขนาด 200 มกทุก 4 ชั่วโมงเป็นเวลา 5 วันโดยเริ่มให้ยาเร็วที่สุด
- การป้องกันการกลับเป็นซ้ำให้ขนาด 400 มกวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 12 เดือน
รักษาโรคงูสวัด
- ผู้ใหญ่
- เป็นครั้งแรกให้ยาขนาด 800 mg รับประทานวันละ 5 ครั้งเป็นเวลา 7-10 วัน
- ผู้ป่วยที่มีภูมิคุมกันพกพร่อง
- ให้ขนาด10 mg/kg ทางน้ำเกลือทุก 8 ชม เป็นเวลา 7 วัน
- สำหรับผู้ที่มีไตเสื่อมอัตรากรอง CrCl 25-50 mL/min ให้ขนาดยา10 mg/kg แต่ให้ยาทุก 12 ชั่วโมง
- สำหรับผู้ที่มีไตเสื่อมอัตรากรองCrCl 10-25 mL/min: ให้ขนาดยา10 mg/kg แต่ให้ยาทุก 24 ชั่วโมง
- สำหรับผู้ที่มีไตเสื่อมอัตรากรองCrCl 0-10 mL/min:ให้ยาขนาดครึ่งหนึ่ง ให้ยาวันละครั้ง
- เด็ก
- อายุน้อยกว่า 12 ปี(ภูมิคุ้มกันบกพร่อง):ให้ยา 20 mg/kg ให้ทางหลอดเลือดทุก 8 hours เป็นเวลา 7 วัน
- อายุมากกว่า 12 ปี (ภูมิคุ้มกันปกติ):ให้ขนาด 800 mg รับประทานทุก 4 ชั่วโมงวันละ 5 ครั้งเป็นเวลา 7-10 วัน
- อายุมากกว่า 12 ป (ภูมิคุ้มกันบกพร่อง):ให้ยา 30 mg/kg/day ให้ทางหลอดเลือดทุก 8ชั่วโมง 7-10 วัน
การติดเชื้อเริมในทารกแรกเกิด
- เด็ก อายุ 0-3 เดือน 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 8 ชั่วโมง ติดต่อกัน 10 วัน โดยให้ทางหลอดเลือดดำติดต่อกันมากกว่า 1 ชั่วโมง
ยาหยอดตา
รักษาอาการตาอักเสบจากเริม
- ใช้ยาหยอดตาขนาดความเข้มข้น 3% หยดลงที่บริเวณขอบตาล่างติดต่อกัน 5 ครั้ง ต่อวันโดยห่างกัน ครั้งละ 4 ชั่วโมง และใช้ติดต่อไปอีกอย่างน้อย 3 วันเมื่ออาการดีขึ้นแล้ว
ยารับประทาน
รักษาโรคเริมที่กลับมาเป็นซ้ำ
- ผู้ใหญ่ รับประทานวันละ 800 มิลลิกรัม โดยแบ่งเป็นวันละ 2-4 ครั้ง และสามารถลดขนาดลงเหลือ 400-600 มิลลิกรัม โดยการใช้ยาจะหยุดลงภายใน 6-12 เดือน เพื่อประเมินสภาพใหม่ หากเป็นการรักษาในระยะสั้น ๆ หรือในกรณีที่อาการกำเริบไม่บ่อย รับประทานครั้งละ 200 มิลลิกรัม 5 ครั้งต่อวัน ติดต่อกัน 5 วัน
รักษาอาการโรคเริมในครั้งแรก
- ผู้ใหญ่ 200 มิลลิกรัม 5 ครั้งต่อวัน หากกันทุก ๆ 4 ชั่วโมงขณะตื่น ติดต่อกัน 5-10 วัน สำหรับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างรุนแรง รับประทานวันละ 400 มิลลิกรัม 5 ครั้งต่อวัน ติดต่อกัน 5 วัน
- เด็ก
- อายุต่ำกว่า 2 ปี ใช้ครึ่งหนึ่งของปริมาณผู้ใหญ่
- อายุมากกว่า 2 ปี ใช้เทียบเท่าปริมาณของผู้ใหญ่
ป้องกันโรคเริมในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ผู้ใหญ่ 200-400 มิลลิกรัม 4 ครั้งต่อวัน
- เด็ก
- อายุต่ำกว่า 2 ปี ใช้ครึ่งหนึ่งของปริมาณผู้ใหญ่
- อายุมากกว่า 2 ปี ใช้เทียบเท่าปริมาณของผู้ใหญ่
รักษางูสวัด
- ผู้ใหญ่ 800 มิลลิกรัม 5 ครั้งต่อวัน ติดต่อกัน 7-10 วัน
รักษาโรคอีสุกอีใส
- ผู้ใหญ่ 800 มิลลิกรัม 4-5 ครั้งต่อวัน ติดต่อกัน 5-7 วัน
- เด็ก อายุต่ำกว่า 2 ปี รับประทานครั้งละ 20 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม สูงสุดที่ 800 มิลลิกรัมต่อครั้ง รับประทาน 4 ครั้ง ติดต่อกัน 5 วัน
ยาทา
รักษาอาการเริมที่ผิวหนังและริมฝีปาก
- ผู้ใหญ่ ใช้ครีมความเข้มข้น 5% ทาวันละ 5-6 ครั้ง ติดต่อกัน 10 วัน โดยเฉพาะช่วงระยะอาการนำ (Prodromal Period)
การใช้ยา Acyclovir
ยา Acyclovir เป็นยาที่ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำและใบสั่งแพทย์เท่านั้น โดยไม่ควรใช้ยามากกว่า หรือน้อยกว่าปริมาณที่แพทย์สั่ง ซึ่งยานี้สามารถเริ่มใช้ได้ทันทีที่มีอาการของไวรัสเฮอร์พีส์(Herpes) เกิดขึ้น เช่น ตุ่มน้ำ อาการแสบร้อน หรือรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ เหมือนเข็มตำที่บริเวณผิวหนัง
ทั้งนี้ปริมาณการใช้ยาในแต่ละครั้ง จะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้ป่วย หากผู้ป่วยมีน้ำหนักที่เปลี่ยนแปลงควรรีบแจ้งแพทย์ เพื่อให้ปริมาณยาที่ใช้เหมาะสมกับผู้ป่วยมากที่สุด และในระหว่างการใช้ยา ผู้ป่วยควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ไตยังสามารถทำงานได้เป็นปกติ
ควรใช้ยาที่แพทย์สั่งให้ครบตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อให้อาการของโรคนั้นดีขึ้นและหายเป็นปกติ และไม่ควรใช้ยาในการรักษาการติดเชื้อไวรัสอื่น ๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือไข้หวัด เป็นต้น
Acyclovir เป็นยาที่สามารถใช้ได้ในสตรีมีครรภ์ แต่ก่อนการใช้ยาผู้ป่วยจำเป็นจะต้องรับทราบถึงประโยชน์รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาที่อาจส่งผลถึงบุตรได้ เพื่อให้ผู้ป่วยเปรียบเทียบและตัดสินใจ สำหรับสตรีที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ยาชนิดนี้ถือเป็นยาที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากตัวยาอาจปนเปื้อนไปกับน้ำนมแม่ และส่งผลถึงบุตรได้
การเก็บรักษายาควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง ห่างไกลจากความชื้นและความร้อน หากยามีลักษณะเปลี่ยนไปควรหยุดใช้และไปพบแพทย์ในทันที
Acyclovir เป็นชื่อสามัญของ Zovirax เป็นยาตามใบสั่งแพทย์ที่ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อไวรัส
โดย U.S. FDA อนุมัติข้อบ่งใช้ ดังนี้ รักษาโรคติดเชื้อไวรัสจาก varicella virus ที่เป็นสาเหตุของโรคอีสุกอีใสและงูสวัดเช่นเดียวกับการติดเชื้อจากไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศ รวมถึงคนที่มีภาวะ HIV ยาตัวนี้ทำงานโดยป้องกันไม่ให้ไวรัสแบ่งตัวและขยายพันธุ์ รบกวนการสร้างและสังเคราะห์สารทางพันธุกรรมดีเอ็นเอ (DNA) ยานี้ได้รับการอนุมัติจาก U.S. FDA ในปี ค.ศ. 1980
ข้อควรระวังของ Acyclovir
- Acyclovir ไม่ได้รักษาโรคติดเชื้อไวรัส แต่ทำให้ภาวะติดเชื้อหายเร็วขึ้นและรุนแรงน้อยลงในบางคน
- หากคุณใช้ Acyclovir เพื่อรักษาเริมที่อวัยวะเพศ ยานี้สามารถลดความรุนแรงหรือป้องกันการเกิดซ้ำของโรคได้
- หากคุณใช้ Acyclovir เพื่อรักษาโรคอีสุกอีใสหรืองูสวัด ยานี้สามารถลดความรุนแรงของภาวะติดเชื้อได้
การรักษาด้วย Acyclovir จะได้ผลดีที่สุดเมื่อคุณเริ่มใช้เร็วที่สุดหลังมีผื่นปรากฏ เช่น ควรใช้ยาภายในสามวันหากเป็นผื่นงูสวัดและภายใน 24 ชั่วโมงหากเป็นผื่นอีสุกอีใส อาจไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ยารักษาโรคอีสุกอีใสในเด็กที่มีสุขภาพดี แต่ในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ที่ได้รับอีสุกอีใสควรต้องใช้ยารักษา ดื่มน้ำตามมากๆ เมื่อใช้ยานี้
เด็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบไม่ควรใช้ Acyclovir ควรใช้ Acyclovir ด้วยความระมัดระวังหากคุณมีโรคไตหรือระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เพราะอาจเกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยกรณีมีการติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งเชื้อจะกระจายผ่านกิจกรรมทางเพศและการใช้ยา Acyclovir เพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้
การใช้ Acyclovir ในหญิงตั้งครรภ์
ยังไม่มีการศึกษาการใช้ Acyclovir ในหญิงตั้งครรภ์ จึงไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะบอกว่ามีความปลอดภัยที่จะใช้ในหญิงตั้งครรภ์หรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์หากคุณต้องการกินยานี้ขณะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมลูก เนื่องจาก Acyclovir สามารถส่งผ่านทางน้ำนมได้
ขนาดยา
โรคเริมที่ผิวหนัง
การรักษาผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดี
- ผู้ใหญ่
- ให้ยาทางหลอดเลือดดำ: 5 mg/kg ทุก 8 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 วัน อาจจะให้ได้ถึง14วัน
- ให้ยาทางปาก: 400 mgทุก 4 ชั่วโมงวันละ5ครั้งเป็นเวลา 7 วัน
- เด็ก
- อายุน้อยกว่า 12 ปีให้ 10 mg/kg ทางน้ำเกลือทุก8ชั่วโมงเป็นเวลา 7 วัน
- อายุมากกว่า 12 ปีให้ยา 5-10 mg/kg/day ทางหลอดเลือดดำทุก 8 ชั่วโมงเป็นเวลา5-7วัน
วาริเซลลาซอสเตอร์ (อีสุกอีใส)
ผู้ใหญ่
- มากกว่า 40 กก. (ภูมิคุ้มกันปกติ): 800 มก. รับประทานทุกๆ 6 ชั่วโมงเป็นเวลา 5 วัน
- ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง: 10-15 มก./กก. ฉีดเข้าเส้นเลือดทุกๆ 8 ชั่วโมงเป็นเวลา 7-10 วัน
- ในผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วน ให้ใช้น้ำหนักตัวในอุดมคติ (IBW)
เด็ก
- เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไปและน้ำหนักน้อยกว่า 40 กก.: 20 มก./กก./ครั้ง รับประทานทุกๆ 6 ชั่วโมงเป็นเวลา 5 วัน; ไม่เกิน 800 มก./ครั้ง
- ในผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วน ให้ใช้น้ำหนักตัวในอุดมคติ (IBW)
- มากกว่า 40 กก.: 800 มก. รับประทานทุก 6 ชั่วโมงเป็นเวลา 5 วัน
ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- อายุน้อยกว่า 12 ปี: 20 มก./กก./ครั้ง ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ (IV) ทุก 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน
- อายุมากกว่า 12 ปี: 10 มก./กก./ครั้ง ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ทุก 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน
การปรับเปลี่ยนการให้ยา
- การปรับขนาดยาขึ้นอยู่กับการทำงานของไตและขนาดยาปกติ
- 200 มก. ทุก 4 ชั่วโมง
- 0-10 มล./นาที/1.73 ตร.ม.: 200 มก. ทุก 12 ชั่วโมง
- มากกว่า 10 มล./นาที/1.73 ตร.ม.: 200 มก. ทุก 4 ชั่วโมง (ห้าครั้งต่อวัน)
- 400 มก. ทุก 12 ชั่วโมง
- 0-10 มล./นาที/1.73 ตร.ม.: 200 มก. ทุก 12 ชั่วโมง
- มากกว่า 10 มล./นาที/1.73 ตร.ม.: 400 มก. ทุก 12 ชั่วโมง
- 800 มก. ทุก 4 ชั่วโมง
- 0-10 มล./นาที/1.73 ตร.ม.: 800 มก. ทุก 12 ชั่วโมง
- 10-25 มล./นาที/1.73 ตร.ม.: 800 มก. ทุก 8 ชั่วโมง
- มากกว่า 25 มล./นาที/1.73 ตร.ม.: 800 มก. ทุก 4 ชั่วโมง (ห้าครั้งต่อวัน)
การปรับขนาดยาตามรูปแบบยา
ภาวะไตเสื่อม (ให้ยาทางหลอดเลือดดำIV)
- อัตรากรองของไต(CrCl) 25-50 มล./นาที/1.73 ตร.ม.: ให้ปริมาณที่แนะนำทุกๆ 12 ชั่วโมง
- อัตรากรองของไต(CrCl )10-25 mL/min/1.73 m²: ให้ปริมาณที่แนะนำทุกๆ 24 ชั่วโมง
- อัตรากรองของไต(CrCl) น้อยกว่า 10 มล./นาที/1.73 ตร.ม.: ให้ 50% ของปริมาณที่แนะนำทุกๆ 24 ชั่วโมง
ภาวะไตเสื่อม (ให้ยาทางปากช่องปาก)
- ปริมาณปกติ 200 มก. ทุก 4 ชั่วโมง หรือ 400 มก. ทุก 12 ชั่วโมง และ CrCl น้อยกว่า 10 มล./นาที/1.73 ตร.ม.: ลดลงเป็น 200 มก. ทุก 12 ชั่วโมง
- ปริมาณปกติ 800 มก. ทุก 4 ชั่วโมง และ CrCl 10-25 มล./นาที/1.73 ตร.ม.: ลดลงเหลือ 800 มก. ทุก 8 ชั่วโมง
- ปริมาณปกติ 800 มก. ทุก 4 ชั่วโมง และ CrCl น้อยกว่า 10 มล./นาที/1.73 ตร.ม.: ลดลงเป็น 800 มก. ทุก 12 ชั่วโมง