
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
การตรวจน้ำตาลหลังอาหาร หรือ Postprandial Plasma Glucose (PPG) ไม่ใช่การตรวจพื้นฐานที่ผู้ป่วยเบาหวานทุกคนต้องทำเป็นประจำ แต่จะมีความจำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์เหล่านี้:
เมื่อค่า HbA1c สูง แต่ค่าน้ำตาลตอนเช้า (อดอาหาร) ดูดี:
นี่คือสัญญาณคลาสสิกที่บ่งบอกว่า ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณอาจจะ "พุ่งสูง" อย่างมากหลังมื้ออาหาร และเป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าน้ำตาลสะสม (HbA1c) ของคุณยังคุมไม่ได้ตามเป้า
สำหรับผู้ที่ฉีดอินซูลินชนิดออกฤทธิ์เร็ว (Bolus Insulin) ก่อนมื้ออาหาร:
การตรวจ PPG เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการประเมินว่า ปริมาณอินซูลินที่ฉีดเข้าไปนั้น "เหมาะสม" กับปริมาณคาร์โบไฮเดรตในมื้ออาหารนั้นๆ หรือไม่ เพื่อนำไปสู่การปรับขนาดยาให้แม่นยำยิ่งขึ้น
สำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวาน (ทั้งที่เป็นมาก่อนหรือเป็นขณะตั้งครรภ์):
เป็นกรณีที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป้าหมายการควบคุมน้ำตาลจะเข้มงวดกว่าคนทั่วไปมาก เพื่อความปลอดภัยของทารกในครรภ์ การตรวจ PPG จึงเป็นมาตรฐานในการติดตาม
เพื่อเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ (Educational Tool):
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มเรียนรู้เรื่อง การนับคาร์โบไฮเดรต (Carb Counting) การเจาะน้ำตาลหลังอาหารจะให้ "ผลตอบรับทันที" ว่าอาหารชนิดนั้นๆ หรือปริมาณเท่านั้นๆ ส่งผลต่อระดับน้ำตาลของคุณอย่างไร เช่น "โอ้โห! ข้าวเหนียวมะม่วงจานนี้ทำให้น้ำตาลขึ้นไปถึง 250 เลย"
วิธีเจาะที่ถูกต้อง: ควรเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว 1-2 ชั่วโมง "หลังเริ่ม" รับประทานอาหารคำแรก ไม่ใช่หลังกินอิ่ม
ตอบได้เลยว่า "ได้ และเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมาก" ครับ
การใช้ค่า PPG ในการติดตามผล ไม่ใช่แค่การดูตัวเลขลอยๆ แต่เป็นการสวมบทบาท "นักสืบสุขภาพ" ของตนเอง เพื่อหาความเชื่อมโยงระหว่าง "อาหาร" และ "ผลลัพธ์" ซึ่งจะช่วยให้คุณและแพทย์สามารถปรับแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด
เป้าหมายของน้ำตาลหลังอาหาร (PPG) โดยทั่วไปคือ: < 180 mg/dL
จดบันทึกอย่างละเอียด: นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด! เมื่อเจาะเลือดได้ตัวเลขแล้ว ให้จดบันทึก 3 อย่างควบคู่กันเสมอ:
ตัวเลขน้ำตาลที่วัดได้
เวลาที่วัด (เช่น 13.00 น.)
รายการอาหารที่กินในมื้อนั้น (โดยเฉพาะชนิดและปริมาณของคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว 2 ทัพพี, ก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม)
มองหารูปแบบ (Find the Pattern): เมื่อจดบันทึกไปสัก 1-2 สัปดาห์ คุณและแพทย์จะเริ่มเห็นรูปแบบที่ชัดเจน เช่น
"น้ำตาลมักจะสูงเกินเป้าหมายทุกครั้งหลังมื้อกลางวัน"
"ถ้ากินขนมปังขาว น้ำตาลจะสูงกว่ากินข้าวกล้องเสมอ"
"อินซูลิน 4 ยูนิต อาจจะน้อยไปสำหรับก๋วยเตี๋ยวชามนี้"
นำไปสู่การปรับเปลี่ยน (Take Action):
ข้อมูลที่ได้จากการจดบันทึก คือหลักฐานชั้นดีที่จะนำไปปรึกษาแพทย์เพื่อ ปรับเปลี่ยนแผนการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการปรับชนิดหรือปริมาณอาหาร, การปรับเวลาออกกำลังกาย, หรือที่สำคัญที่สุดคือ การปรับขนาดยาหรืออินซูลิน ให้เหมาะสมกับมื้ออาหารนั้นๆ มากขึ้น
สรุป: การตรวจน้ำตาลหลังอาหาร (PPG) เป็นเครื่องมือชั้นเยี่ยมที่ช่วยเปลี่ยนจากการรักษาแบบ "เหวี่ยงแห" ไปสู่การรักษาที่ "แม่นยำและจำเพาะเจาะจง" กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคุณมากยิ่งขึ้น ช่วยให้คุณเข้าใจร่างกายของตัวเอง และมีส่วนร่วมในการวางแผนการรักษาร่วมกับแพทย์ได้อย่างเต็มที่ครับ
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว