jrprint

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน

adv

a

การเปลี่ยนทางจอรับภาพตาของผู้ป่วยเบาหวาน retinopathy

การเปลี่ยนของจอรับภาพเนื่องจากเบาหวานจะพบได้เกือบทุกรายในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่1 และพบร้อยละ60ของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2 ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2เมื่อวินิจฉัยได้ครั้งแรกพบว่าก็มีการเปลี่ยนแปลงทางจอรับภาพแล้วร้อยละ21 การเปลี่ยนแปลงทางจอรับภาพที่พบได้แก่

1 Mild nonproliferative [increase permeability]

ผู้ป่วยไม่มีอาการ ตามองเห็นปกติ ตรวจทางจอรับภาพ จะพบ มีการโป่งพองของหลอดเลือด [microaneurysm],  หลอดเลือดที่โป่งพองจะควบคุมการไหลของสารน้ำไม่ได้เกิด[ hard exudate] ,นอกจากนั้นยังทำให้เกิดอาการบวมของจอรับภาพ [macular edema] และ  dot  hemorrhage    

moderate to severe nonproliferative [NPDR ,vascular closer] จอรับภาพจะมีการขาดเลือดเพิ่ม มีการหลั่งของเหลวในจอรับภาพ cotton-wool spot,venous dilatation

3 proliferative diabetic retinopathy [new blood vessel on retina]  

การผ่าต้อกระจก การตั้งครรภ์ การเจริญพันธ์เป็นหนุ่มสาว จะทำให้อาการทางตาเป็นมากขึ้นดังนั้นควรตรวจตาเป็นระยะ ตาบอดในผู้ป่วยเบาหวานอาจเกิดจากกลไกได้ 3 วิธี

  1. Retinal hemorrgage เส้นเลือดในจอรับภาพแตก
  2. Retinal Detachment เนื่องจากเส้นเลือดที่เกิดใหม่บนจอรับภาพทำให้จอรับภาพเกิดการบิดจอรับภาพจึงหลุดออกจากเส้นประสาท
  3. Macular edema จอรับภาพบวมจากการขาดเลือด 

โรคตาเบาหวาน (Diabetic Retinopathy) เป็นโรคตาที่เกิดขึ้นเมื่อระบบหลอดเลือดในส่วนในของตาถูกทำลายเนื่องจากโรคเบาหวานที่ไม่ควบคุมได้ดี โรคตาเบาหวานสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ โรคตาเบาหวานชนิดเริ่มต้น (Non-Proliferative Diabetic Retinopathy, NPDR) และโรคตาเบาหวานชนิดลุกลาม (Proliferative Diabetic Retinopathy, PDR) นอกจากนี้ยังมีการแบ่งออกเป็นอีก 2 ประเภทคือ โรคตาเบาหวานชนิดบาดเจ็บหน้าสุด (Diabetic Macular Edema, DME) และโรคตาเบาหวานชนิดไม่มีอาการ (Silent Diabetic Retinopathy) ซึ่งต้องตรวจวินิจฉัยด้วยการตรวจรายละเอียดจากแพทย์ทางตาเท่านั้น

อาการของโรคตาเบาหวาน อาจมีหรือไม่มีอาการ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นดังนี้:

การป้องกันและการรักษาโรคตาเบาหวาน:

สรุป: โรคตาเบาหวานเป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาได้เมื่อมีการควบคุมน้ำตาลในเลือดอย่างดี

 


โรคตาเบาหวาน (Diabetic Retinopathy) มีการแบ่งความรุนแรงเพื่อช่วยในการกำหนดแผนการรักษาและการดูแลผู้ป่วย การแบ่งความรุนแรงของโรคตาเบาหวานมักจะแบ่งเป็น 2 ระดับหลัก คือ โรคตาเบาหวานชนิดเริ่มต้น (Non-Proliferative Diabetic Retinopathy, NPDR) และโรคตาเบาหวานชนิดลุกลาม (Proliferative Diabetic Retinopathy, PDR) รวมถึงอาการต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละระดับดังนี้:

1. โรคตาเบาหวานชนิดเริ่มต้น (Non-Proliferative Diabetic Retinopathy, NPDR): NPDR เป็นระดับที่มีความรุนแรงน้อยที่สุดของโรคตาเบาหวาน อาการและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องมีดังนี้:

2. โรคตาเบาหวานชนิดลุกลาม (Proliferative Diabetic Retinopathy, PDR): PDR เป็นระดับที่รุนแรงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ NPDR และมักมีอาการเฉพาะเจาะจงเพิ่มขึ้น อาการและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องมีดังนี้:

การตรวจวินิจฉัยและการรักษาโรคตาเบาหวานควรทำโดยแพทย์ทางตาที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลและรักษาโรคตาเบาหวาน การตรวจสอบและรักษาตามแผนการที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงในการทำให้เกิดภาวะเสื่อมสุขภาพตา และความสามารถในการมองเห็นของผู้ป่วยโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดี.

 

โรคตาเบาหวาน (Diabetic Retinopathy) มีการแบ่งความรุนแรงตามขั้นตอนและระดับของความเสี่ยงที่แพทย์ทางตาใช้ในการวิเคราะห์และตรวจวินิจฉัย ระดับความรุนแรงของโรคตาเบาหวานสามารถแบ่งได้เป็น 2 ระดับหลัก คือ โรคตาเบาหวานชนิดเริ่มต้น (Non-Proliferative Diabetic Retinopathy, NPDR) และโรคตาเบาหวานชนิดลุกลาม (Proliferative Diabetic Retinopathy, PDR) โดยมีรายละเอียดดังนี้:

การวินิจฉัยและการตรวจรักษา: การวินิจฉัยความรุนแรงของโรคตาเบาหวานจำเป็นต้องพิจารณาการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ทางตา ซึ่งอาจใช้การตรวจตาด้วยเครื่องมือพิเศษเช่น ตาประกอบ, ตรวจตาด้วยเลเซอร์, หรือเป็นการตรวจวินิจฉัยด้วยระบบออกซิเมตร

การรักษาขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค หากเป็น NPDR แพทย์อาจจะทำการตรวจวินิจฉัยและติดตามอย่างสม่ำเสมอ ส่วนในกรณีของ PDR หรือระดับความรุนแรงที่สูงขึ้น อาจจะต้องพิจารณาการรักษาด้วยเลเซอร์หรือการศัลยกรรมเพื่อรักษาการลุกลามของหล