siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

วัคซีนงูสวัด (Herpes Zoster Vaccine): ป้องกันอาการปวดเรื้อรังและภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

โรคงูสวัด (Shingles หรือ Herpes Zoster) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส วาริเซลลา-ซอสเตอร์ (Varicella-Zoster Virus - VZV) ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใสในวัยเด็ก เมื่อเราเป็นอีสุกอีใสและหายแล้ว ไวรัส VZV จะไม่ได้หายไปจากร่างกาย แต่จะซ่อนตัวอยู่ในปมประสาทใกล้ไขสันหลังของเราอย่างสงบ และจะกลับมาทำงานอีกครั้งเมื่อระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ไม่ว่าจะเป็นจากอายุที่มากขึ้น ความเครียด การเจ็บป่วย หรือการใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เมื่อไวรัสถูกกระตุ้นขึ้นมาใหม่ มันจะเดินทางตามแนวเส้นประสาทมายังผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นแดงเป็นตุ่มน้ำใสขึ้นเป็นแนวตามเส้นประสาทที่ไวรัสซ่อนตัวอยู่ และมักมีอาการปวดแสบปวดร้อนอย่างรุนแรง

แม้โรคงูสวัดจะไม่ใช่โรคที่อันตรายถึงชีวิตโดยตรง แต่ก็สร้างความทุกข์ทรมานอย่างมากจากอาการปวด และที่สำคัญคืออาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและเรื้อรังได้ ทำให้ วัคซีนงูสวัด (Herpes Zoster Vaccine) มีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคและลดความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อน


อาการของโรคงูสวัด

อาการของโรคงูสวัดมักเริ่มต้นด้วยอาการนำ เช่น ปวดแสบปวดร้อน คัน ยิบๆ หรือชาตามผิวหนังบริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกาย โดยที่ยังไม่มีผื่นขึ้น จากนั้นประมาณ 1-3 วัน จะมีผื่นแดงขึ้นเป็นปื้น ก่อนจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสขนาดเล็กที่เรียงตัวเป็นกลุ่มหรือเป็นแนวตามเส้นประสาทที่ถูกกระตุ้น ตุ่มน้ำเหล่านี้จะแตกออกเป็นแผลและตกสะเก็ดในเวลาต่อมา

อาการปวด เป็นอาการสำคัญของงูสวัด มักมีลักษณะปวดแสบปวดร้อน ปวดแปลบ ปวดคล้ายถูกไฟฟ้าช็อต หรือปวดลึกๆ และอาจปวดรุนแรงมากจนรบกวนการนอนหลับและการใช้ชีวิตประจำวัน


ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยและน่ากังวล

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญและพบบ่อยที่สุดของโรคงูสวัดคือ ภาวะปวดปลายประสาทเรื้อรังหลังเป็นงูสวัด (Postherpetic Neuralgia - PHN) ซึ่งเป็นอาการปวดแสบปวดร้อนอย่างรุนแรงที่ยังคงอยู่บริเวณที่เคยเป็นงูสวัด แม้ผื่นจะหายไปแล้วก็ตาม อาการปวดนี้อาจคงอยู่นานหลายเดือน หลายปี หรือตลอดชีวิต ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยแย่ลงอย่างมาก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ความเสี่ยงในการเกิด PHN จะสูงขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ งูสวัดยังอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ เช่น:


วัคซีนป้องกันงูสวัด: ชนิดและประสิทธิภาพ

ปัจจุบันมีวัคซีนงูสวัด 2 ชนิดหลัก ๆ ที่ใช้กัน:

1. วัคซีนงูสวัดชนิดเชื้อเป็น (Live Attenuated Zoster Vaccine - ZVL หรือ Zostavax®)

2. วัคซีนงูสวัดชนิดเชื้อตาย/ซับยูนิต (Recombinant Zoster Vaccine - RZV หรือ Shingrix®)


ใครควรได้รับวัคซีนงูสวัด?

โดยทั่วไป แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันงูสวัดในกลุ่มคนเหล่านี้:


ข้อห้ามและข้อควรระวังในการฉีดวัคซีน

การพิจารณาข้อห้ามและข้อควรระวังขึ้นอยู่กับชนิดของวัคซีนงูสวัดที่เลือกใช้:

สำหรับวัคซีนชนิดเชื้อตาย/ซับยูนิต (Shingrix®):

สำหรับวัคซีนชนิดเชื้อเป็น (Zostavax®):


สิ่งสำคัญที่ต้องปรึกษาแพทย์

ก่อนตัดสินใจฉีดวัคซีนงูสวัด ควรปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์เสมอ เพื่อให้ข้อมูลสุขภาพที่ครบถ้วนและรับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุด ดังนี้:

การฉีดวัคซีนงูสวัดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคงูสวัดและลดความเสี่ยงของภาวะปวดปลายประสาทเรื้อรัง ซึ่งจะช่วยให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และลดภาระจากการเจ็บป่วยได้เป็นอย่างมาก

Shingles (Herpes Zoster) vaccine

แน่นอนครับ วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด (Shingles/Herpes Zoster Vaccine) เป็นวัคซีนที่มีความสำคัญในการป้องกันโรคงูสวัดและภาวะปวดปลายประสาทเรื้อรังหลังเป็นงูสวัด (Postherpetic Neuralgia - PHN) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยและรุนแรง วัคซีนงูสวัดมี 2 ชนิดหลักที่มีข้อห้ามแตกต่างกัน:

  1. วัคซีนงูสวัดชนิดเชื้อเป็น (Live Attenuated Zoster Vaccine - ZVL หรือ Zostavax®): เป็นวัคซีนที่ผลิตจากเชื้อไวรัสอีสุกอีใส/งูสวัดที่อ่อนกำลังลง

  2. วัคซีนงูสวัดชนิดเชื้อตาย/ซับยูนิต (Recombinant Zoster Vaccine - RZV หรือ Shingrix®): เป็นวัคซีนที่ผลิตจากโปรตีนส่วนประกอบของเชื้อไวรัส และมีสารเสริมภูมิ (adjuvant)

ปัจจุบันในประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลก วัคซีนชนิดเชื้อตาย/ซับยูนิต (Shingrix®) เป็นที่แนะนำมากกว่า เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงกว่าและผลการป้องกันที่คงทนกว่า โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ และยังสามารถใช้ได้ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องบางราย ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญของวัคซีนชนิดเชื้อเป็น


ข้อห้ามในการใช้วัคซีนงูสวัดชนิดเชื้อเป็น (Live Attenuated Zoster Vaccine - ZVL หรือ Zostavax®)

หมายเหตุ: วัคซีน ZVL นี้ยังคงมีการใช้ในบางพื้นที่ แต่ RZV (Shingrix®) เป็นที่นิยมและแนะนำมากกว่าในปัจจุบัน ข้อห้ามของ ZVL จะคล้ายคลึงกับวัคซีนเชื้อเป็นอื่นๆ:

ข้อห้าม (Contraindications) สำหรับ ZVL:

  1. ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Immunodeficiency) ไม่ว่าจะเกิดจากโรคหรือยา:

    • เป็นข้อห้ามที่สำคัญที่สุดสำหรับวัคซีนเชื้อเป็น

    • ผู้ป่วย HIV/AIDS ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (ตามเกณฑ์ที่กำหนด)

    • ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemia), มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (lymphoma), หรือมะเร็งอื่นๆ ที่ส่งผลต่อไขกระดูกหรือระบบน้ำเหลือง

    • ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด

    • ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันในขนาดสูง (เช่น ยาสเตียรอยด์ในขนาดสูง, ยาเคมีบำบัด, ยาชีวภาพที่ออกฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน เช่น anti-TNF agents, rituximab)

    • ผู้ที่เคยปลูกถ่ายอวัยวะ หรือปลูกถ่ายไขกระดูก

    • ห้ามใช้ ในผู้ป่วยเหล่านี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่ไวรัสในวัคซีนจะเพิ่มจำนวนและก่อให้เกิดอาการของโรคงูสวัดได้

  2. หญิงตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์:

    • เป็นข้อห้าม เนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อเป็น และมีความเสี่ยงทางทฤษฎีที่เชื้อไวรัสในวัคซีนอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์

  3. ประวัติการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis):

    • เคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรงต่อวัคซีน ZVL เข็มก่อนหน้า หรือแพ้ส่วนประกอบใดๆ ในวัคซีนอย่างรุนแรง เช่น เจลาติน, Neomycin

  4. ผู้ที่ได้รับยาต้านไวรัส (Antiviral drugs) ที่ออกฤทธิ์ต่อไวรัสกลุ่มเริม (herpes viruses) เช่น acyclovir, valacyclovir, famciclovir:

    • ควรหยุดยาเหล่านี้อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีดวัคซีนและหลีกเลี่ยงเป็นเวลา 14 วันหลังฉีด เนื่องจากยาอาจยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสในวัคซีนและลดประสิทธิภาพของวัคซีน

ข้อควรระวัง (Precautions) สำหรับ ZVL:

  1. การเจ็บป่วยเฉียบพลันระดับปานกลางถึงรุนแรง หรือมีไข้สูง: ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน

  2. ผู้ที่เพิ่งได้รับเลือด ผลิตภัณฑ์จากเลือด หรืออิมมูโนโกลบูลิน: ควรเว้นระยะห่างตามคำแนะนำ เนื่องจากอาจรบกวนการตอบสนองของวัคซีน

  3. การให้นมบุตร: ข้อมูลจำกัด แต่โดยทั่วไปไม่แนะนำ


ข้อห้ามในการใช้วัคซีนงูสวัดชนิดเชื้อตาย/ซับยูนิต (Recombinant Zoster Vaccine - RZV หรือ Shingrix®)

วัคซีน Shingrix® เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย/ซับยูนิตที่มีความปลอดภัยสูงกว่า ZVL มาก และมีข้อห้ามที่น้อยกว่า

ข้อห้าม (Contraindications) สำหรับ RZV (Shingrix®):

  1. ประวัติการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis):

    • เคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรง (เช่น หายใจลำบาก, หน้าบวม, ความดันโลหิตต่ำ, ผื่นลมพิษทั่วตัว) หลังจากได้รับวัคซีน Shingrix® เข็มก่อนหน้า

    • ประวัติการแพ้ส่วนประกอบใดๆ ในวัคซีนอย่างรุนแรง: รวมถึงสารเสริมภูมิ (adjuvant system AS01B) หรือส่วนประกอบอื่นๆ ที่ระบุในฉลากยาของวัคซีน

ข้อควรระวัง (Precautions) สำหรับ RZV (Shingrix®):

  1. การเจ็บป่วยเฉียบพลันระดับปานกลางถึงรุนแรง หรือมีไข้สูง:

    • หากมีอาการป่วยเฉียบพลัน หรือมีไข้สูง ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อนจนกว่าจะหายป่วย เพื่อป้องกันความสับสนในการวินิจฉัยอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน หรือหากร่างกายอ่อนแออาจตอบสนองต่อวัคซีนได้ไม่เต็มที่

    • อย่างไรก็ตาม หากเป็นเพียงไข้หวัดเล็กน้อย ไม่มีไข้ หรือมีอาการไม่รุนแรง สามารถฉีดวัคซีนได้

  2. หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร:

    • ข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับการใช้ Shingrix® ในหญิงตั้งครรภ์ยังมีจำกัด แต่เนื่องจากเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย จึงไม่คาดว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือทารกที่กินนมแม่

    • โดยทั่วไป แนะนำให้เลื่อนการฉีดในหญิงตั้งครรภ์ออกไปก่อน หากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน แต่หากมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นงูสวัด แพทย์อาจพิจารณาให้ฉีดได้

    • สามารถฉีดในหญิงให้นมบุตรได้

  3. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน:

    • วัคซีน Shingrix® สามารถให้ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้ และแนะนำให้ฉีดในกลุ่มนี้ (ต่างจาก ZVL) เนื่องจากเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันอาจไม่สมบูรณ์เท่าคนปกติ แต่ก็ยังคงได้ประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการฉีดวัคซีนที่เหมาะสม

  4. ผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) หรือมีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด (Coagulation disorders):

    • เนื่องจากวัคซีนชนิดนี้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ผู้ที่มีภาวะดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกหรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีดได้ง่าย

    • ควรแจ้งแพทย์เพื่อที่แพทย์จะได้พิจารณาเทคนิคการฉีดที่เหมาะสม เช่น การฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (หากวัคซีนบางชนิดระบุว่าสามารถทำได้) การใช้เข็มขนาดเล็ก หรือการกดบริเวณที่ฉีดให้นานขึ้น

สิ่งสำคัญที่ต้องแจ้งแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ก่อนฉีดวัคซีนงูสวัด:

เพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด ควรแจ้งข้อมูลสุขภาพที่สำคัญแก่แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ทุกครั้ง เช่น:

การปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนการฉีดวัคซีนจะช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการป้องกันโรคงูสวัดและภาวะแทรกซ้อน

 

 

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว