G-6 PD
G-6 PD หรือเอนไซม์ Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase ที่เรียกสั้น ๆ ว่า G-6 PD ว่ามีจำนวนต่ำหรือสูงกว่าเกณฑ์หรือไม่เพียงใด ในกรณีที่ต่ำกว่าเกณฑ์ก็จะมีศัพท์เรียกว่า G-6 PD deficiency คำอธิบายอย่างสรุป
- G-6 PD เป็นเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการเผาผลาญกลูโคส และช่วยปกป้องเม็ดเลือดแดง ขณะใช้ยาต่อสู้กับเชื้อโรคเพื่อการรักษา
- ในกรณีที่เกิดการขาดเอนไซม์ G-6 PD ที่เรียกว่า G-6 PD deficiency อาจก่อให้เกิดผลร้ายแรง อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือพร้อมกัน ดังนี้
- อาจทำให้เลือดในร่างกายเกิดการตกตะกอนของเฮโมโกลบิน
- อาจทำให้ผนังของเม็ดเลือดแดงเกิดการเปลี่ยนแปลง
- อาจทำให้เม็ดเลือดแดงแตก ซึ่งร้ายแรงมาก/น้อยแล้วแต่กรณี
- เหตุที่มักก่อให้เกิด G-6 PD deficiency ซึ่งถือว่าเป็นสาเหตุหลักก็คือพันธุกรรมอันเป็นการถ่ายทอดจากมารดานับเป็นโรคโลหิตจางจากเหตุพันธุกรรม (congenital hemolytic anemia) โรคนี้จึงอาจนับว่าเป็นโรคประจำตัวที่ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ และอาจกำเริบขึ้นในกรณีร่างกายได้รับยาที่เพิ่มออกซิเจนoxidizing drugs) ซึ่งมีผลอาจทำให้เม็ดเลือดแดงแตก
กลุ่มยาที่อาจทำให้เม็ดเลือดแดงแตกและตกตะกอน ในกลุ่มผู้อยู่ในสภาวะ G-6 PD deficiency
Acetanilid | Metdylene blue | Quinidine |
Antimalarials | Nalidixic acid | Sulfa |
Antipyretics | Nitrofurantoin | Sulfonamides |
Ascorbic acid | Phenacetin | Thiazide diuretics |
Aspirin | Phenazopyridine | TOBUTamide |
Dapsone | Primaquine | Vitamin K |
- อาการของเด็ก (หรือแม้แต่ผู้ใหญ่) ของผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็น G-6 PD deficiency อาจแสดงอาการ
ให้เห็น ดังนี้
- ผิวหนังซีด หากเป็นคนผิวดำ ต้องให้อ้าปากึงเห็นความผิดปกติ
- แสดงอาการเหนื่อยอย่างมาก
- หัวใจเต้นเร็ว
- หายใจสั้นและถี่
- ดีซ่าน (jaundice) แสดงอาการผิวหนังและนัยน์ตาเหลือง
- ม้ามโต
- น้ำปัสสาวะจะออกสีชา
ค่าเอนไซม์ G-6 PD อาจแสดงได้ 2 วิธีคือ
- 1) เป็นจำนวน I.U. (international unit) ต่อน้ำหนัก 1 กรัม ของเฮโมโกลบิน
- หรือ2) เป็นจำนวน I.U. ต่อจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดง
- 4.3 – 11.8 I.U. ต่อกรัมของเฮโมโกลบิน
- 146 – 376 I.U. per RBC
ค่าปกติของเอนไซม์ G-6 PD
- ให้ยึดถือตามค่าที่แสดงไว้ในใบรายงานผลเลือด (ถ้ามี)
- ค่าปกติ (คำนวณได้จากข้อ 6)
G-6 PD enzyme : 0.0146 – 0.0376 IU/100 ml.RBC
ค่าผิดปกติ
- ในทางน้อย อาจแสดงผลว่า
- เป็น G-6 PD deficiency แน่ ๆ ยิ่งหากมีอาการตามข้อ 4 ร่วมด้วย
- อาจเกิดโรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงแตกง่าย (hemolytic anemia)
- ในทางมาก อาจแสดงผลว่า
- อาจเกิดโรคโลหิตจางอย่างร้ายแรงชนิดขาดวิตามินบี 12 (pernicious anemia)
- อาจเกิดโรคโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดแดงโต (megaloblastic anemia)
- อาจเกิดการสูญเสียเลือดแห่งใดแห่งหนึ่ง
- อาจเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (myocardial infarction)
- อาจมีปัญหาโรคต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (hypertdyroidism)