 |
|---|
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน
1การวินิจฉัยเด็กออทิสติก
ปัจจุบันยังไม่การตรวจด้วยการเจาะเลือดหรือการ x-ray เพื่อวินิจฉัยโรคออทิสติก ผู้ป่วยออทิสติกแต่ละคนก็แสดงอาการไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นอาการหลายอย่างที่พบในโรคอื่น ดังนั้นพ่อแม่ ครูและแพทย์จะต้องร่วมมือในการวินิจฉัยแยกโรค เช่นหูหนวก ปัญญาอ่อน มีปัญหาในการพูด และโรคทางสมอง หากไม่มีโรคดังกล่าวจึงส่งไปพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญทาง autism เกณฑ์การวินิจฉัยโรค autism
เด็กที่เป็น autism มักจะมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง บางอาการเป็นมาก บางอาการเป็นน้อยและอาการต้องเกิดที่อายุ 3 ขวบ
แพทย์วินิจฉัยกลุ่มโรคออทิสติกอย่างไร?
เกณฑ์การวินิจฉัยกลุ่มโรคออทิสติก (4 โรค) ขององค์การอนามัยโลกและสมาคมจิตแพทย์อเมริกา คือ
Diagnosis
A diagnosis is the formal identification of autism, usually by a multi-disciplinary diagnostic team, often including a speech and language therapist, paediatrician, psychiatrist and/or psychologist.
The benefits of a diagnosis
Getting a timely and thorough assessment and diagnosis may be helpful because:
Find out more about diagnosis and how to get one.
How autism is diagnosed
The characteristics of autism vary from one person to another, but in order for a diagnosis to be made, a person will usually be assessed as having had persistent difficulties with social communication and social interaction and restricted and repetitive patterns of behaviours, activities or interests since early childhood, to the extent that these "limit and impair everyday functioning".
Read more about diagnostic criteria and the triad of impairments theory.
Persistent difficulties with social communication and social interaction
SOCIAL COMMUNICATION
Autistic people have difficulties with interpreting both verbal and non-verbal language like gestures or tone of voice. Many have a very literal understanding of language, and think people always mean exactly what they say. They may find it difficult to use or understand:
Some may not speak, or have fairly limited speech. They will often understand more of what other people say to them than they are able to express, yet may struggle with vagueness or abstract concepts. Some autistic people benefit from using, or prefer to use, alternative means of communication, such as sign language or visual symbols. Some are able to communicate very effectively without speech.
Others have good language skills, but they may still find it hard to understand the expectations of others within conversations, perhaps repeating what the other person has just said (this is called echolalia) or talking at length about their own interests.
It often helps to speak in a clear, consistent way and to give autistic people time to process what has been said to them.
Social interaction
Autistic people often have difficulty 'reading' other people - recognising or understanding others' feelings and intentions - and expressing their own emotions. This can make it very hard for them to navigate the social world. They may:
Autistic people may find it hard to form friendships. Some may want to interact with other people and make friends, but may be unsure how to go about it.
Read more about communication and social interaction, social isolation and social skills.
Restricted and repetitive patterns of behaviours, activities or interests
REPETITIVE BEHAVIOUR AND ROUTINES
The world can seem a very unpredictable and confusing place to autistic people, who often prefer to have a daily routine so that they know what is going to happen every day. They may want to always travel the same way to and from school or work, or eat exactly the same food for breakfast.
The use of rules can also be important. It may be difficult for an autistic person to take a different approach to something once they have been taught the 'right' way to do it. People on the autism spectrum may not be comfortable with the idea of change, but may be able to cope better if they can prepare for changes in advance.
HIGHLY-FOCUSED INTERESTS
Many autistic people have intense and highly-focused interests, often from a fairly young age. These can change over time or be lifelong, and can be anything from art or music, to trains or computers. An interest may sometimes be unusual. One autistic person loved collecting rubbish, for example. With encouragement, the person developed an interest in recycling and the environment.
Many channel their interest into studying, paid work, volunteering, or other meaningful occupation. Autistic people often report that the pursuit of such interests is fundamental to their wellbeing and happiness.
SENSORY SENSITIVITY
Autistic people may also experience over- or under-sensitivity to sounds, touch, tastes, smells, light, colours, temperatures or pain. For example, they may find certain background sounds, which other people ignore or block out, unbearably loud or distracting. This can cause anxiety or even physical pain. Or they may be fascinated by lights or spinning objects.
Read more about repetitive behaviour and routines and sensory processing.
Different names for autism
Over the years, different diagnostic labels have been used, such as autism, autism spectrum disorder (ASD), autism spectrum condition (ASC), classic autism, Kanner autism, pervasive developmental disorder (PDD), high-functioning autism (HFA), Asperger syndrome and Pathological Demand Avoidance (PDA). This reflects the different diagnostic manuals and tools used, and the different autism profiles presented by individuals. Because of recent and upcoming changes to the main diagnostic manuals, 'autism spectrum disorder' (ASD) is now likely to become the most commonly given diagnostic term.
Read more about different diagnostic profiles, terms and criteria.
ยาที่ใช้รักษาเด็กออทิสติก Autism
ยังไม่มียาที่จะไปเปลี่ยนเซลล์ neuron หรือการทำงานของสมอง และยังไม่มียาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนว่าเป็นยารักษา autism ยาที่ใช้รักษาเป็นยาโรคอื่นที่มีอาการใกล้เคียง
การเข้าสังคมและพฤติกรรม
ได้มีการพัฒนาวิธีการรักษาหลายอย่างโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มทักษะในการเข้าสังคมเพื่อทดแทนพฤติกรรมที่เบี่ยงเบียน และสร้างสิ่งแวดล้อมให้เกิดการเรียนรู้ตามความต้องการเรียนรู้ของเด็ก การเรียนการสอนต้องมีขั้นตอนง่ายๆที่ละขั้น และต้องจูงใจเด็กให้สนใจและที่สำคัญต้องมีส่วนในการปรับพฤติกรรมของเด็ก ในการกำหนดเรื่องที่จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็ก ครู ผู้ปกครองและผู้รักษาต้องปรึกษากัน และที่สำคัญพ่อแม่เป็นครูที่ใกล้ชิดและเป็นครูคนแรกของเด็ก ดังนั้นต้องมีการฝึกทักษะของพ่อแม่ในการฝึกสอนเด็ก
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
โดยอาศัยหลักว่าเมื่อทำถูกต้องหรือทำดีต้องให้รางวัล เมื่อเด็กได้สามารถพัฒนาทักษะใหม่ต้องให้รางวัลแก่เด็ก เด็กก็จะทำสิ่งนั้นซ้ำจนเกิดความชำนาญ เช่นเมื่อเด็กเริ่มมองหน้าพ่อแม่หรือครูก็จะให้รางวัล วิธีการฝึกเช่นให้เด็กนั่งเก้าอี้ ถ้าเด็กไม่นั่งก็จับเด็กนั่งแล้วรีบให้รางวัล อาจจะเป็นขนมหรือคำชมที่เด็กชอบ ทำซ้ำๆกันจนเด็กสามารถทำตามคำสั่งได้และนั่งนานพอควรจึงเปลี่ยนไปบทอื่น การใช้วิธีนี้จะได้ผลดีเมื่อทำตอนเด็กอายุน้อยๆ
การเลือกโครงการรักษา
เด็กแต่ละคนจะรักษาไม่เหมือนกัน การรักษาต้องขึ้นกับเด็กแต่ละคน การเลือกสถานที่รักษา ผู้ปกครองต้องพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้
รักษาเด็กกลุ่มโรคออทิสติกอย่างไร?
กลุ่มโรคออทิสติก ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เป้าหมายของการรักษาคือการส่ง เสริมพัฒนาการและลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมให้ใกล้เคียงเด็กปกติมากที่สุด การวินิจฉัยและได้รับการรักษาตั้งแต่อายุยังน้อย และต่อเนื่องทำให้ผลการรักษาดี โดยวิธีการรักษาที่เหมาะสมคือ บูรณาการ การรักษาด้านต่างๆเข้าด้วยกันตามความจำเป็นของเด็กแต่ละคน วิธีการรักษา ได้แก่
กลุ่มโรคออทิสติกมีธรรมชาติของโรคเป็นอย่างไร? อะไรเป็นปัจจัยถึงผลการรักษาที่ดี?
ลักษณะตามธรรมชาติของโรคของเด็กกลุ่มโรคออทิสติก คือ อาการจะครบเกณฑ์การวินิจฉัย ในช่วงอายุ 3 ขวบ (Pre–school age)
เมื่อเข้าวัยเรียนจะมีพัฒนาการด้านภาษาและสังคมดีขึ้น แต่จะพบปัญหาพฤติกรรม และการกระตุ้นตัวเอง (พฤติกรรมซ้ำๆ เช่น เล่นเสียง เล่นมือ) รวมถึงพฤติกรรมทำร้ายตัวเองด้วย
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น จะเป็นช่วงที่มีปัญหามากที่สุด เช่น ชัก อยู่ไม่นิ่ง/กระสับกระส่าย เฉื่อยชา พฤติกรรมก้าวร้าว ปัญหาพฤติกรรมทางเพศ และการสูญเสียทักษะต่างๆที่เคยทำได้ เช่น ทักษะสังคม การสื่อสาร และพัฒนาการด้านอื่นๆ โดยพบได้ประมาณ 10% ซึ่งพัฒนาการที่สูญ เสียไปมักจะไม่กลับคืนมาเหมือนปกติ
กลุ่มโรคออทิสติก เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นตลอดชีวิต เมื่อเป็นผู้ใหญ่มีเพียง 1 ใน 3 ที่สามารถดูแลช่วยเหลือตนเองได้ มีเพียง 1-2% ที่สามารถดำรงชีวิตได้เหมือนคนปกติ ทั้งนี้
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
บิดา มารดา ผู้เลี้ยงดูเด็ก ควรสังเกตพฤติกรรม และการพัฒนาของเด็กเสมอตั้งแต่แรกเกิด และเมื่อพบความผิดปกติ ที่ควรรีบนำเด็กพบแพทย์ คือ
รักษาเด็กกลุ่มโรคออทิสติกอย่างไร?
กลุ่มโรคออทิสติก ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เป้าหมายของการรักษาคือการส่ง เสริมพัฒนาการและลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมให้ใกล้เคียงเด็กปกติมากที่สุด การวินิจฉัยและได้รับการรักษาตั้งแต่อายุยังน้อย และต่อเนื่องทำให้ผลการรักษาดี โดยวิธีการรักษาที่เหมาะสมคือ บูรณาการ การรักษาด้านต่างๆเข้าด้วยกันตามความจำเป็นของเด็กแต่ละคน วิธีการรักษา ได้แก่
กลุ่มโรคออทิสติกมีธรรมชาติของโรคเป็นอย่างไร? อะไรเป็นปัจจัยถึงผลการรักษาที่ดี?
ลักษณะตามธรรมชาติของโรคของเด็กกลุ่มโรคออทิสติก คือ อาการจะครบเกณฑ์การวินิจฉัย ในช่วงอายุ 3 ขวบ (Pre–school age)
เมื่อเข้าวัยเรียนจะมีพัฒนาการด้านภาษาและสังคมดีขึ้น แต่จะพบปัญหาพฤติกรรม และการกระตุ้นตัวเอง (พฤติกรรมซ้ำๆ เช่น เล่นเสียง เล่นมือ) รวมถึงพฤติกรรมทำร้ายตัวเองด้วย
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น จะเป็นช่วงที่มีปัญหามากที่สุด เช่น ชัก อยู่ไม่นิ่ง/กระสับกระส่าย เฉื่อยชา พฤติกรรมก้าวร้าว ปัญหาพฤติกรรมทางเพศ และการสูญเสียทักษะต่างๆที่เคยทำได้ เช่น ทักษะสังคม การสื่อสาร และพัฒนาการด้านอื่นๆ โดยพบได้ประมาณ 10% ซึ่งพัฒนาการที่สูญ เสียไปมักจะไม่กลับคืนมาเหมือนปกติ
กลุ่มโรคออทิสติก เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นตลอดชีวิต เมื่อเป็นผู้ใหญ่มีเพียง 1 ใน 3 ที่สามารถดูแลช่วยเหลือตนเองได้ มีเพียง 1-2% ที่สามารถดำรงชีวิตได้เหมือนคนปกติ ทั้งนี้
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
บิดา มารดา ผู้เลี้ยงดูเด็ก ควรสังเกตพฤติกรรม และการพัฒนาของเด็กเสมอตั้งแต่แรกเกิด และเมื่อพบความผิดปกติ ที่ควรรีบนำเด็กพบแพทย์ คือ