siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

ไข้สมองอักเสบเจอี: ภัยเงียบจากยุง ที่ป้องกันได้

โรคไข้สมองอักเสบเจอี (Japanese Encephalitis - JE) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่อันตรายและสามารถทำให้เกิดการอักเสบของสมองอย่างรุนแรง ซึ่งนำไปสู่ภาวะพิการถาวรหรือเสียชีวิตได้ โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสไข้สมองอักเสบเจอี (Japanese Encephalitis Virus - JEV) ซึ่งอยู่ในตระกูล Flaviviridae และถูกแพร่กระจายโดยยุง โดยเฉพาะยุงรำคาญ (Culex species) ที่พบได้ทั่วไปในพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรมของทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศไทย


การแพร่เชื้อและวงจรชีวิตของไวรัส

ไวรัสไข้สมองอักเสบเจอีมีการแพร่เชื้อหลักในวงจรระหว่างยุงกับสัตว์ที่เป็นพาหะสำคัญ โดยเฉพาะ หมู และ นกน้ำ เช่น นกกระยางดำ สัตว์เหล่านี้ทำหน้าที่เป็น "ตัวขยายเชื้อ" (amplifying hosts) คือ เมื่อยุงกัดสัตว์เหล่านี้แล้วได้รับเชื้อไป เชื้อจะเพิ่มจำนวนในตัวยุง และยุงนั้นก็จะไปกัดสัตว์ตัวอื่น ๆ หรือคนต่อไป

มนุษย์และม้า ถือเป็น "โฮสต์ปลายทาง" (dead-end hosts) หมายความว่า เมื่อคนหรือม้าติดเชื้อแล้ว ปริมาณไวรัสในกระแสเลือดจะไม่สูงพอที่จะแพร่ต่อไปยังยุงที่มากัดได้ ดังนั้น โรคไข้สมองอักเสบเจอีจึงไม่แพร่จากคนสู่คน โดยตรง

ในประเทศไทย โรคไข้สมองอักเสบเจอีพบได้ทั่วประเทศ แต่จะมีการระบาดสูงในพื้นที่ที่มีการเลี้ยงหมูและมีนาข้าว เช่น ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน (พฤษภาคม-ตุลาคม) ซึ่งเป็นช่วงที่ยุงชุกชุม


อาการของโรคไข้สมองอักเสบเจอี

ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสไข้สมองอักเสบเจอีส่วนใหญ่ ประมาณ 99% มักไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น ไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะ แต่ในผู้ป่วยประมาณ 1 ใน 250 ราย ที่แสดงอาการ มักมีอาการรุนแรงและอันตรายถึงชีวิตได้

อาการของโรคแบ่งได้เป็น 3 ระยะ:

  1. ระยะแรก (Prodromal Phase):

    • มีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีท้องเสียร่วมด้วย

    • อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นประมาณ 1-6 วันหลังได้รับเชื้อ

  2. ระยะสมองอักเสบเฉียบพลัน (Acute Encephalitic Phase):

    • อาการจะรุนแรงขึ้น โดยยังคงมีไข้สูงลอย ร่วมกับอาการทางระบบประสาทที่ชัดเจนขึ้น เช่น

      • ปวดศีรษะรุนแรงมาก

      • คอแข็ง

      • สับสน ซึมลง หรือหมดสติ โคม่า

      • ชัก โดยเฉพาะในเด็กเล็ก

      • การเคลื่อนไหวผิดปกติ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพาตครึ่งซีก หรืออาการคล้ายโรคพาร์กินสัน (Parkinsonian syndrome) เช่น ตัวแข็ง เกร็ง สั่น

  3. ระยะฟื้นตัว (Convalescent Phase):

    • ผู้ป่วยที่รอดชีวิตจากระยะเฉียบพลัน จะเริ่มฟื้นตัว แต่อาการทางระบบประสาทอาจยังคงอยู่และเป็น ความพิการถาวร ได้ถึง 30-50% เช่น สติปัญญาบกพร่อง ปัญหาด้านพฤติกรรม อาการชักเรื้อรัง กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือปัญหาด้านการพูด

อัตราการเสียชีวิต ของผู้ป่วยที่แสดงอาการไข้สมองอักเสบเจอีอยู่ที่ประมาณ 20-30% และพบได้บ่อยในเด็กเล็ก


การวินิจฉัยโรค

การวินิจฉัยโรคไข้สมองอักเสบเจอีอาศัยการตรวจหาแอนติบอดีจำเพาะต่อไวรัสเจอี โดยเฉพาะชนิด IgM ในน้ำไขสันหลังและในเลือด (ซีรัม) ซึ่งเป็นวิธีที่รวดเร็วและนิยมใช้ นอกจากนี้ อาจมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่น ๆ เพื่อประเมินความรุนแรงของโรค เช่น การตรวจนับเม็ดเลือดขาว หรือการตรวจภาพสมองด้วย CT scan หรือ MRI


การรักษา

ปัจจุบัน ยังไม่มียาต้านไวรัสชนิดจำเพาะ สำหรับรักษาโรคไข้สมองอักเสบเจอีโดยตรง การรักษาจึงเน้นไปที่การ รักษาประคับประคองตามอาการ และดูแลอย่างใกล้ชิดในหอผู้ป่วยหนัก (ICU) เช่น


การป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี

การป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอีเป็นวิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากไม่มีการรักษาที่จำเพาะเมื่อป่วยแล้ว การป้องกันทำได้หลายวิธี:

  1. การป้องกันตนเองจากยุงกัด:

    • สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว

    • ทายากันยุง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรือช่วงเวลาที่ยุงชุกชุม (เช่น ช่วงพลบค่ำถึงเช้าตรู่)

    • นอนในมุ้ง หรือในห้องที่ติดมุ้งลวด หรือห้องปรับอากาศ

    • หลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุง (เช่น บริเวณที่มีน้ำขัง)

  2. การควบคุมและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง:

    • ทำลายแหล่งน้ำขังรอบบ้าน

    • ปิดภาชนะเก็บน้ำให้มิดชิด

  3. การฉีดวัคซีนป้องกันไข้สมองอักเสบเจอี:

    • วัคซีนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันโรค

    • วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอีมีหลายชนิด เช่น:

      • วัคซีนชนิดเชื้อตาย (Inactivated Vaccine): เช่น Ixiaro (ผลิตจากเซลล์เพาะเลี้ยง) หรือวัคซีนเชื้อตายชนิดเก่า (ผลิตในสมองหนู)

      • วัคซีนชนิดเชื้อเป็น (Live Attenuated Vaccine): เช่น Imojev® (ผลิตจากเซลล์เพาะเลี้ยง)

    • คำแนะนำในประเทศไทย: ปัจจุบันแนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้สมองอักเสบเจอีในเด็กเล็ก และกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาด หรือผู้ที่จะเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกชนิดวัคซีนและตารางการฉีดที่เหมาะสมกับอายุและประวัติสุขภาพ

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไข้สมองอักเสบเจอี รวมถึงการป้องกันตนเองและการได้รับวัคซีน จะช่วยลดความเสี่ยงจากการป่วยด้วยโรคร้ายแรงนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว