
หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | ยารักษาโรค |วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
เมื่อมีอาการไข้ ไอ หรือเจ็บคอ หลายคนอาจสับสนว่ากำลังป่วยด้วยอะไรกันแน่ ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ ภูมิแพ้ หรือแม้แต่โควิด-19 ซึ่งล้วนมีอาการคล้ายคลึงกัน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างของอาการ วิธีแพร่เชื้อ การรักษา และการป้องกันของแต่ละโรค เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองและตัดสินใจปรึกษาแพทย์ได้อย่างถูกต้อง
โควิด-19 เกิดจากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่แพร่กระจายหลักผ่านละอองฝอยจากการไอ จาม พูด หรือหายใจในระยะใกล้ (ประมาณ 2 เมตร) และยังสามารถแพร่ผ่านการสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อแล้วนำมาสัมผัสใบหน้าได้ แม้จะไม่ใช่ช่องทางหลัก
อาการทั่วไป: ไข้ ไอ (มักไอแห้ง) เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย อาจมีเจ็บคอ คัดจมูก/น้ำมูกไหล ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาการที่โดดเด่น คือ การรับรสหรือได้กลิ่นลดลงหรือหายไป (มักเกิดในระยะแรกและไม่มีอาการคัดจมูก) นอกจากนี้ยังอาจมีอาการท้องเสีย คลื่นไส้ หรืออาเจียนได้
การรักษา: ปัจจุบันมียาต้านไวรัส Remdesivir ที่ได้รับการอนุมัติสำหรับรักษาโควิด-19 รวมถึงยาอื่นๆ ที่ช่วยลดความรุนแรงของโรค และมีวัคซีนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
อาการหลายอย่างทับซ้อนกัน ทำให้การวินิจฉัยด้วยตนเองเป็นเรื่องยาก การตรวจหาเชื้อจึงเป็นสิ่งจำเป็นหากสงสัย
ทั้งคู่เกิดจากไวรัส และแพร่กระจายคล้ายกัน แต่มีข้อสังเกตบางประการ:
อาการ/สัญญาณ |
โควิด-19 |
ไข้หวัดธรรมดา |
ไอ |
มักไอแห้ง |
มักไอ |
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ |
มักเป็น |
บางครั้ง |
อ่อนเพลีย |
มักเป็น |
บางครั้ง |
จาม |
พบน้อยมาก |
บางครั้ง |
เจ็บคอ |
มักเป็น |
มักเป็น |
น้ำมูกไหล/คัดจมูก |
มักเป็น |
มักเป็น |
ไข้ |
มักเป็น |
บางครั้ง |
ท้องเสีย |
บางครั้ง |
ไม่เป็น |
คลื่นไส้/อาเจียน |
บางครั้ง |
ไม่เป็น |
การรับรส/กลิ่นผิดปกติ |
มักเป็น (มักเกิดในระยะแรก ไม่มีอาการคัดจมูก) |
บางครั้ง (โดยเฉพาะเมื่อคัดจมูกมาก) |
ระยะเวลาอาการ: โควิด-19 อาการมักปรากฏ 2-14 วันหลังสัมผัสเชื้อ ส่วนไข้หวัดธรรมดามักปรากฏ 1-3 วันหลังสัมผัสเชื้อ ไข้หวัดธรรมดามักหายได้เองใน 3-10 วัน ไม่มีวิธีรักษาจำเพาะ
ภูมิแพ้ไม่ได้เกิดจากไวรัส แต่เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น เกสรดอกไม้ อาการหลายอย่างคล้ายกับโควิด-19 แต่มีจุดต่างสำคัญ:
อาการ/สัญญาณ |
โควิด-19 |
ภูมิแพ้ |
ไอ |
มักไอแห้ง |
บางครั้ง |
ไข้ |
มักเป็น |
ไม่เป็น |
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ |
มักเป็น |
ไม่เป็น |
อ่อนเพลีย |
มักเป็น |
บางครั้ง |
คันจมูก/ตา/ปาก/หูชั้นใน |
ไม่เป็น |
มักเป็น |
จาม |
พบน้อยมาก |
มักเป็น |
เจ็บคอ |
มักเป็น |
พบน้อยมาก |
น้ำมูกไหล/คัดจมูก |
มักเป็น |
มักเป็น |
ตาแดง (เยื่อบุตาอักเสบ) |
บางครั้ง |
บางครั้ง |
คลื่นไส้/อาเจียน |
บางครั้ง |
ไม่เป็น |
ท้องเสีย |
บางครั้ง |
ไม่เป็น |
การรับรส/กลิ่นผิดปกติ |
มักเป็น (มักเกิดในระยะแรก ไม่มีอาการคัดจมูก) |
บางครั้ง |
อาการอื่น ๆ: โควิด-19 อาจทำให้หายใจลำบากได้ ซึ่งต่างจากภูมิแพ้ที่มักไม่ทำให้เกิดอาการนี้ นอกจากผู้ที่มีภาวะหอบหืดร่วมด้วย การรักษาภูมิแพ้เน้นการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ และใช้ยาแก้แพ้ ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก
ทั้งโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่เกิดจากไวรัสต่างชนิดกัน (SARS-CoV-2 และ Influenza virus) แพร่กระจายคล้ายกัน และมีอาการที่คล้ายคลึงกันมาก จนยากที่จะแยกด้วยอาการเพียงอย่างเดียว การตรวจหาเชื้อเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อยืนยันการวินิจฉัย และสามารถป่วยเป็นทั้งสองโรคพร้อมกันได้
อาการ/สัญญาณ |
โควิด-19 |
ไข้หวัดใหญ่ |
ไอ |
มักไอแห้ง |
มักไอ |
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ |
มักเป็น |
มักเป็น |
อ่อนเพลีย |
มักเป็น |
มักเป็น |
เจ็บคอ |
มักเป็น |
มักเป็น |
น้ำมูกไหล/คัดจมูก |
มักเป็น |
มักเป็น |
ไข้ |
มักเป็น |
มักเป็น (ไม่เสมอไป) |
คลื่นไส้/อาเจียน |
บางครั้ง |
บางครั้ง (พบบ่อยในเด็ก) |
ท้องเสีย |
บางครั้ง |
บางครั้ง (พบบ่อยในเด็ก) |
หายใจลำบาก |
มักเป็น |
มักเป็น |
การรับรส/กลิ่นผิดปกติ |
มักเป็น (มักเกิดในระยะแรก ไม่มีอาการคัดจมูก) |
พบน้อยมาก |
ระยะเวลาอาการ: โควิด-19 อาการมักปรากฏ 2-14 วันหลังสัมผัสเชื้อ (เฉลี่ย 5 วัน) ขณะที่ไข้หวัดใหญ่มักปรากฏ 1-4 วันหลังสัมผัสเชื้อ
ความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อน: โควิด-19 อาจรุนแรงกว่าไข้หวัดใหญ่ในบางคน และมีภาวะแทรกซ้อนเฉพาะ เช่น ลิ่มเลือดอุดตัน หรือภาวะอักเสบหลายระบบในเด็ก (MIS-C) ส่วนไข้หวัดใหญ่มักมีภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้บ่อยกว่า
การรักษาและป้องกัน: ไข้หวัดใหญ่มีหลายยาต้านไวรัสสำหรับรักษา และมี วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่แนะนำให้ฉีดทุกปีเพื่อลดความเสี่ยงและความรุนแรงของโรค
รับวัคซีนโควิด-19 หากทำได้
รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน:
ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ (มีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 60%)
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด (ในระยะ 2 เมตร) กับบุคคลนอกครัวเรือน โดยเฉพาะหากตนเองหรือบุคคลนั้นมีความเสี่ยงสูง
สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะในร่ม หรือกลางแจ้งที่มีความเสี่ยงการแพร่เชื้อสูง
หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด
ไอหรือจามใส่ข้อศอก หรือใช้กระดาษทิชชูแล้วทิ้งทันที
หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา จมูก ปาก
ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อย ๆ ทุกวัน
รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปี
วิธีที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ที่ทราบ เช่น ปิดหน้าต่างและประตูเมื่อมีละอองเกสรสูง
การสวมหน้ากากผ้าอาจช่วยป้องกันละอองเกสรขนาดใหญ่บางส่วนได้ แต่ละอองเกสรขนาดเล็กยังคงลอดผ่านได้ ควรซักหน้ากากหลังใช้งานทุกครั้ง
หากคุณสงสัยว่ามีอาการของโควิด-19 หรือโรคอื่นๆ ที่กล่าวมา ควรติดต่อแพทย์หรือคลินิกเพื่อขอคำแนะนำทางการแพทย์และรับการตรวจวินิจฉัยที่เหมาะสม การป้องกันเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสุขภาพที่ดีของคุณ
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว