การดูแลเมื่อมีอาการป่วย
ในช่วงที่มีการระบาดของโรคติดต่อการไปโรงพยาบาลจะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค หากท่านมีไข้และอาการไม่มากควรจะดูแลตนเองที่บ้าน แต่มีปัญหาว่า
- ไม่รู้ว่าจะดูแลผู้ป่วยอย่างไร ต้องติดตามอะไร เมื่อไรจึงจะต้องพามาโรงพยาบาล หากมาเร็วแพทย์ก็ต่อว่า หากมาช้าก็ว่าสายไป
- เรื่องการป้องกันโรคติดต่อว่าจะมีวิธีการอย่างไรที่จะป้องกันสมาชิกในครอบครัวมิให้ติดโรครวมทั้งชุมชนด้วย
สำหรับการดูแลผู้ป่วยที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่และสงสัยว่าจะเป็นโรคติดต่อท่านจะต้องเตรียมสถานที่และอุปกรณ์ดังนี้
- ห้องสำหรับผู้ป่วยนอน หากให้ดีควรจะมีห้องน้ำในตัว และควรจะเป็นห้องที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน ควรเป็นห้องที่โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก
- หน้ากากอนามัยสำหรับผู้ป่วยสวมเมื่อเวลาออกนอกห้อง
- สบู่หรือแอลกอฮอล์เหลวสำหรับล้างมือเมื่อไอ จาม หรือกำลังจะออกนอกห้อง
- ปรอทวัดไข้
- ผ้าสำหรับเช็ดตัวลดไข้
- สมุดสำหรับจดบันทึกอุณหภูมิ ชีพขจร การหายใจ
- น้ำยาเช็ดพื้น
- กระดาษทิสชู่
- ที่ทิ้งขยะและมีถุงสำหรับมัด
ขั้นตอนการดูแล
สำหรับท่านที่มีไข้และอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ ต้องแน่ใจว่าไม่ใช่ไข้จากสาเหตุอื่นที่รักษาได้ เช่นลำไส้อักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ไข้เลือดออก มาลาเรีย หรือปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรีย หรือการติดเชื้ออื่นๆ ทั้งนี้จะอาศัยประวัติละการตรวจร่างกายเป็นสำคัญ โดยประวัติต้องเข้าได้กับอาการของไข้หวัดใหญ่ และไม่มีอาการอื่นๆ
เมื่ออาการไข้และมีอาการเหมือนไข้หวัดโคหวิด2019 ท่านจะต้องประเมินว่าท่านอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนหรือไม่ หากท่านอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อน ท่านควรจะไปพบแพทย์เพื่อดูแลรักษา หากท่านไม่ใช้ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง และอาการของท่านไม่มาก ท่านสามารถดูแลตัวเองที่บ้านโดย
- วัดความดันโลหิตวันละ4 ครั้ง
- วัดอุณหภูมิวันละ 4 ครั้ง
- จับชีพขจรวันละสี่ครั้ง
- นับการหายใจวันละสี่ครั้ง
- ดูสภาพทั่วๆไป ทุกครั้งที่เข้าไปดูแลต้องสังเกตสิ่งต่างๆข้างล่าง และหากพบว่าผิดปกติก็แจ้งแพทย์ ดูว่ายังมีสติพูดคุยรู้เรื่องหรือไม่ หากสับสน หรือซึม หรือชักท่านต้องรีบพาไปโรงพยาบาล
- การหายใจว่าเหนื่อยหรือจมูกบานหรือไม่ หากมีอาการเหนื่อยหรือหายใจไม่พอ แสดงว่าอาจจะเกิดปอดบวม
- ดูสีผิวว่ายังแดงหรือไม่ หากริมฝีมากมีสีม่วงๆร่วมกับการที่หายใจลำบากหรือหายใจเร็ว ท่านจะต้องรีบพาไปโรงพยาบาล
- เดินไปมาหรือขึ้นบันไดโดยไม่หอบ หากเดินเล็กน้อยก็เหนื่อย หรือเดินไม่ค่อยไหว ท่านต้องรีบไปโรงพยาบาล
- รับประทานอาหารได้มากน้อยแค่ไหน หากรับประทานอาหารแข็งไม่ได้อาจจะรับเป็นโจ๊กหรือน้ำซุป
- ปัสสาวะวันละกี่ครั้ง หากปัสสาวะน้อยแสดงว่าร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ชดเชย
- อาเจียนหรือถ่ายเหลวจะรับประทานอาหารได้หรือไม่
- หากพบว่าไข้เกิน 38.5 ก็ให้น้ำผ้าชุมน้ำธรรมดามาเช็ดบริเวณซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ และหลัง และให้รับประทานยาลดไข้ตามแพทย์สั่ง หากไข้เกิน40 แม้ว่าจะได้ยาลดไข้ไปแล้วก็ควรไปพบแพทย์
- ไข้จะเริ่มลดประมาณวันที่สามของโรค
- อาการปวดศีรษะ หรือปวดกล้ามเนื้อน่าจะดีขึ้นในวันที่สองของไข้
- ส่วนอาการไอและน้ำมูกไหลจะดีขึ้นหลังมีไข้สามสี่วัน
หากอาการไม่ดีขึ้น เช่นไข้สูง ปวดตามตัวมาก เจ็บคอหรือเจ็บหน้าอกมาก หายใจเหนื่อย หรือหายใจลำบาก ท่านต้องปรึกษาแพทย์
การดูแลเมื่อมีอาการป่วย
ในช่วงที่มีการระบาดของโรคติดต่อการไปโรงพยาบาลจะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค หากท่านมีไข้ละอาการไม่มากควรจะดูแลตนเองที่บ้าน แต่มีปัญหาว่า
- ไม่รู้ว่าจะดูแลผู้ป่วยอย่างไร ต้องติดตามอะไร เมื่อไรจึงจะต้องพามาโรงพยาบาล หากมาเร็วแพทย์ก็ต่อว่า หากมาช้าก็ว่าสายไป
- เรื่องการป้องกันโรคติดต่อว่าจะมีวิธีการอย่างไรที่จะป้องกันสมาชิกในครอบครัวมิให้ติดโรครวมทั้งชุมชนด้วย
สำหรับการดูแลผู้ป่วยที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่และสงสัยว่าจะเป็นโรคติดต่อท่านจะต้องเตรียมสถานที่และอุปกรณ์ดังนี้
- ห้องสำหรับผู้ป่วยนอน หากให้ดีควรจะมีห้องน้ำในตัว และควรจะเป็นห้องที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน ควรเป็นห้องที่โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก
- หน้ากากอนามัยสำหรับผู้ป่วยสวมเมื่อเวลาออกนอกห้อง
- สบู่หรือแอลกอฮอล์เหลวสำหรับล้างมือเมื่อไอ จาม หรือกำลังจะออกนอกห้อง
- ปรอทวัดไข้
- ผ้าสำหรับเช็ดตัวลดไข้
- สมุดสำหรับจดบันทึกอุณหภูมิ ชีพขจร การหายใจ
- น้ำยาเช็ดพื้น
- กระดาษทิสชู่
- ที่ทิ้งขยะและมีถุงสำหรับมัด
ขั้นตอนการดูแล
สำหรับท่านที่มีไข้และอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่ ต้องแน่ใจว่าไม่ใช่ไข้จากสาเหตุอื่นที่รักษาได้ เช่นลำไส้อักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ไข้เลือดออก มาลาเรีย หรือปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรีย หรือการติดเชื้ออื่นๆ ทั้งนี้จะอาศัยประวัติละการตรวจร่างกายเป็นสำคัญ โดยประวัติต้องเข้าได้กับอาการของไข้หวัดใหญ่ และไม่มีอาการอื่นๆ
เมื่ออาการไข้และมีอาการเหมือนไข้หวัดโคหวิด2019 ท่านจะต้องประเมินว่าท่านอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนหรือไม่ หากท่านอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อน ท่านควรจะไปพบแพทย์เพื่อดูแลรักษา หากท่านไม่ใช้ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง และอาการของท่านไม่มาก ท่านสามารถดูแลตัวเองที่บ้านโดย
- วัดความดันโลหิตวันละ4 ครั้ง
- วัดอุณหภูมิวันละ 4 ครั้ง
- จับชีพขจรวันละสี่ครั้ง
- นับการหายใจวันละสี่ครั้ง
- ดูสภาพทั่วๆไป ทุกครั้งที่เข้าไปดูแลต้องสังเกตสิ่งต่างๆข้างล่าง และหากพบว่าผิดปกติก็แจ้งแพทย์ ดูว่ายังมีสติพูดคุยรู้เรื่องหรือไม่ หากสับสน หรือซึม หรือชักท่านต้องรีบพาไปโรงพยาบาล
- การหายใจว่าเหนื่อยหรือจมูกบานหรือไม่ หากมีอาการเหนื่อยหรือหายใจไม่พอ แสดงว่าอาจจะเกิดปอดบวม
- ดูสีผิวว่ายังแดงหรือไม่ หากริมฝีมากมีสีม่วงๆร่วมกับการที่หายใจลำบากหรือหายใจเร็ว ท่านจะต้องรีบพาไปโรงพยาบาล
- เดินไปมาหรือขึ้นบันไดโดยไม่หอบ หากเดินเล็กน้อยก็เหนื่อย หรือเดินไม่ค่อยไหว ท่านต้องรีบไปโรงพยาบาล
- รับประทานอาหารได้มากน้อยแค่ไหน หากรับประทานอาหารแข็งไม่ได้อาจจะรับเป็นโจ๊กหรือน้ำซุป
- ปัสสาวะวันละกี่ครั้ง หากปัสสาวะน้อยแสดงว่าร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ชดเชย
- อาเจียนหรือถ่ายเหลวจะรับประทานอาหารได้หรือไม่
- หากพบว่าไข้เกิน 38.5 ก็ให้น้ำผ้าชุมน้ำธรรมดามาเช็ดบริเวณซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ และหลัง และให้รับประทานยาลดไข้ตามแพทย์สั่ง หากไข้เกิน40 แม้ว่าจะได้ยาลดไข้ไปแล้วก็ควรไปพบแพทย์
- ไข้จะเริ่มลดประมาณวันที่สามของโรค
- อาการปวดศีรษะ หรือปวดกล้ามเนื้อน่าจะดีขึ้นในวันที่สองของไข้
- ส่วนอาการไอและน้ำมูกไหลจะดีขึ้นหลังมีไข้สามสี่วัน
กลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน
ผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคตับ โรคหัวใจ โรคไต โรคปอด โรคเบาหวาน คนท้อง คนที่มีอายุมากกว่า 65ปี เด็กเล็กหรือทารก ผู้ป่วยโรคเอดส์ ผู้ที่พักในสถาพเลี้ยงคนชรา เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ที่ดูลแลผู้สูงอายุหรือดูแลคนป่วย
Caring for Yourself at Home
10 Things to Manage Your Health at Home
English pdf icon [1 page] | Spanishpdf icon | Chinesepdf icon | Vietnamesepdf icon | Koreanpdf icon
10 things you can do to manage your health at home
If you have possible or confirmed COVID-19:
- Stay home from work, school, and away from other public places. If you must go out, avoid using any kind of public transportation, ridesharing, or taxis.
- Monitor your symptoms carefully. If your symptoms get worse, call your healthcare provider immediately.
- Get rest and stay hydrated.
- If you have a medical appointment, call the healthcare provider ahead of time and tell them that you have or may have COVID-19.
- For medical emergencies, call 911 and notify the dispatch personnel that you have or may have COVID-19.
When to Seek Medical Attention
If you develop emergency warning signs for COVID-19 get medical attention immediately. Emergency warning signs include*:
- Trouble breathing
- Persistent pain or pressure in the chest
- New confusion or inability to arouse
- Bluish lips or face
*This list is not all inclusive. Please consult your medical provider for any other symptoms that are severe or concerning.
- Cover your cough and sneezes.
- Wash your hands often with soap and water for at least 20 seconds or clean your hands with an alcohol-based hand sanitizer that contains at least 60% alcohol.
- As much as possible, stay in a specific room and away from other people in your home. Also, you should use a separate bathroom, if available. If you need to be around other people in or outside of the home, wear a facemask.
- Avoid sharing personal items with other people in your household, like dishes, towels, and bedding
- Clean all surfaces that are touched often, like counters, tabletops, and doorknobs. Use household cleaning sprays or wipes according to the label instructions.
For any additional questions about your care, contact your healthcare provider or state or local health department.