หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ หลายคนอาจมองเป็นเรื่องไกลตัว ทั้งที่ความจริงแล้วโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงวัย โดยต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรค มีทั้งจากการป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ โรคประจำตัว เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ อีกทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต ปัจจัยแวดล้อม และพันธุกรรมล้วนมีส่วนทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน ซึ่งความรุนแรงของโรคอาจส่งผลให้เสียชีวิตแบบกะทันหันได้ ดังนั้นการรู้เท่าทันโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจ
นายแพทย์ยศวีร์ อรรฆยากร อายุรแพทย์โรคหัวใจและแพทย์เฉพาะทางด้านไฟฟ้าหัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวถึง “ปัจจุบันคนไข้ที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมักจะเจออาการหัวใจเต้นผิดจังหวะบ่อยที่สุดประมาณ 70% รวมทั้งกลุ่มที่มีโรคประจำตัว หรือรับประทานยาบางชนิด จากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะในคนไทย 1,000 คน จะพบ 40 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่มักเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป แต่ไม่ได้หมายความว่า เด็ก วัยรุ่น คนทำงานจะเป็นไม่ได้ ทุกคนมีสิทธิที่จะเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะได้” โดยปกติหัวใจของคนเราจะเต้นด้วยอัตรา 60-100 ครั้ง/นาที ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะจึงหมายถึง ภาวะห้องเต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติ อาจเกิดจากความผิดปกติของกำเนิดกระแสไฟฟ้าหัวใจ การนำไฟฟ้าหัวใจ หรือทั้ง 2 อย่างรวมกัน โดยอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้ผู้ที่ป่วยมีอาการดังนี้ 1.หัวใจเต้นช้าผิดปกติ คือน้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที 2.หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ คือเร็วกว่า 100 ครั้งต่อนาที 3.หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอเช่น เต้นๆ หยุดๆ หรือเต้นเร็วสลับเต้นช้า
ว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบใด โดยมีวิธีในการรักษาดังต่อไปนี้ การให้ยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะ การช็อกไฟฟ้าหัวใจเพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นปกติ การจี้ไฟฟ้าหัวใจด้วยสายสวนหัวใจชนิดพิเศษสวนเข้า ไปบริเวณเส้นเลือดดำที่ขาหนีบ การติดเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยหัวใจเต้นช้ามากผิดปกติ มี 2 แบบคือ ชนิดกระตุ้นห้องเดียวและสองห้อง การเลือกฝังเครื่องขึ้นอยู่กับผู้ป่วยเป็นสำคัญ โดยแบตเตอรี่ใช้งานได้ 10 ปีขึ้นไปและเข้าเครื่อง MRI ได้ เครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติหรือเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ (AICD) ในกรณีที่ผู้ป่วยหัวใจห้องล่างเต้นเร็วผิดปกติ หากหัวใจไม่กลับมาเต้นตามปกติในเวลาที่รวดเร็วอาจเสียชีวิตได้ โดยแบตเตอรี่จะมีอายุใช้งาน 7-8 ปีขึ้นไป ข้อดีของเครื่องนี้คือ ถ้าอยู่บ้านแล้วหัวใจเต้นผิดจังหวะจนถึงขั้นมีอันตรายถึงชีวิต เครื่องจะกระตุกหัวใจจะทำงานอัตโนมัติเพื่อให้ผู้ป่วยฟื้น เราสามารถห่างไกลโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ได้แก่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 45 นาที/วัน 3-5 วัน/สัปดาห์ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อย่ารับประทานอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็มมาก นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมง/วัน ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี หากมีโรคประจำตัวควรติดตามอาการกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะไปกระตุ้นทำให้เกิดอาการหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ได้แก่ ความเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ ออกกำลังกายหักโหม การสูบบุหรี่ นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่หัวใจเต้นผิดจังหวะควรมาพบแพทย์ตามนัดทุก 1-2 เดือน เพื่อติดตามผลการรักษาและอาการอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้ที่มีอาการแปลกๆ ตามที่กล่าวข้างต้น อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบมาพบอายุรแพทย์โรคหัวใจ เพื่อจะได้คัดกรองกลุ่มอาการของโรคได้ถูกต้องและทำการรักษาอย่างเหมาะสม เพราะหัวใจเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำงานต่อเนื่องตลอดเวลา อย่าละเลยที่จะดูแลหัวใจของคุณให้เต้นถูกจังหวะ สอบถามเพิ่มเติม คลินิกหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ โทร. 02-310-3000 หรือ โทร 1719
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ฝ่ายสื่อสารการตลาด โรงพยาบาลกรุงเทพ
ปานฤทัย คงยิ้มละมัย (ปิงปอง) เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ
ผู้แทนประชาสัมพันธ์ : บริษัท แมสคอท คอมมิวนิเคชัน จำกัด
อำไพพรรณ นภาสกุลคู (โอ่ง) โทร. 086-351-7729, จารุวรรณ ศิริปัญจนะ (วรรณ) โทร. 081-819-7682
โทร. 02-7326069-70 E-mail: mascotcom1@hotmail.com