หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ
แต่เดิมเรามักเรียก ภาวะ หรือ โรคนี้ว่า สายตาคนแก่ คำว่า “คนแก่ ” คงจะแสลงใจบางคนจึงมีคนหันมาใช้คำว่า “สายตาผู้สูงอายุ” (Presbyopia) แทน ซึ่งฟังดูไพเราะกว่า ตัวผู้เขียนเองมีความรู้สึกคล้ายกับว่า ผู้สูงอายุ หมายถึง ทั้งอายุมาก ประสบการณ์มากด้วย (อาจจะเข้าใจผิดก็ได้) ทั้งนี้เพื่อความสบายใจของตนเอง และยอมรับความเป็นคนแก่ มากขึ้น
ท่านผู้อ่านที่มีอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป คงรู้จักภาวะสายตาผู้สูงอายุดี ถือเป็นภาวะปกติที่พบในคนอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป โดยมีอาการมองภาพใกล้ๆไม่ชัดเจน ในขณะที่มองไกลยังเห็นได้ดี มีวิธีสังเกตได้ง่ายๆ ก็คือ อ่านหนังสือในระยะห่างจากตา 1 ฟุต หรือระยะที่เคยอ่านเห็นกลับอ่านไม่ชัด ต้องใช้วิธีเลื่อนหนังสือให้ไกลออกไป หรือถ้าเป็นคุณแม่บ้านที่เย็บปักผ้า จะเริ่มสนเข็มไม่เข้าเนื่องจากไม่เห็นรูเข็ม บางคนอาจจะใช้วิธีหยี หรือ หรี่ตาให้เล็กลง ก็จะช่วยให้พออ่านหนังสือได้ง่ายขึ้น
ขอเปรียบเทียบดวงตาคนเราเหมือนกล้องถ่ายรูป ในการใช้กล้องถ่ายรูป ถ้าเราต้องการถ่ายภาพระยะต่างๆ กันให้ได้ภาพที่ชัดเจน เราทำได้โดยการปรับโฟกัส เลื่อนกล้องเข้าออกให้ได้ระยะที่เหมาะสม สำหรับตาคนเราไม่สามารถหด หรือ ยืดลูกตาออกไป แต่จะปรับภาพที่ระยะใกล้ให้ชัดโดยวิธีเพิ่มกำลังให้แก่แก้วตา โดยขบวนการที่เรียกว่าการเพ่ง (Accommodation) กล่าวคือ ในขณะที่เรามองภาพระยะไกล ตาเราจะอยู่ในระยะพัก แต่เมื่อเราต้องการดูระยะใกล้ จะเกิดการหดตัวตึงของกล้ามเนื้อแก้วตาที่ช่วยในการเพ่ง จึงเป็นเหตุให้แก้วตาคนเราป่องออกเป็นการเพิ่มกำลังหักเหของแสง ทำให้เห็นภาพระยะใกล้ชัดเจนขึ้น
กลไกการเพ่งเป็นไปโดยอัตโนมัติ และปกติตั้งแต่เด็กจนถึงอายุประมาณ 40 ปี ต่อจากนั้น ขบวนการเพ่งจึงอ่อนแรงลง ได้มีผู้ศึกษาโดยวิธีตรวจวัด พบว่าในเด็กๆ เราอาจเพ่งได้มาก จึงมองภาพที่อยู่ชิดตาได้ชัดเจน เมื่ออายุมากขึ้น กำลังการเพ่งจะลดลงมาเรื่อยๆ จนถึงอายุประมาณ 40 ปี กำลังเพ่งที่เหลืออยู่ไม่พอที่จะใช้ดูหนังสือที่ระยะ 1 ฟุตได้ ต้องเลื่อนหนังสือให้ไกลออกไป หรือใช้แว่นที่มีกำลังเป็นบวก (เลนส์นูน) ชดเชย ซึ่ง กำลังการเพ่งจะลดลงเรื่อยๆ จนเป็น 0 (ศูนย์) หรือไม่มีเลย เมื่ออายุประมาณ 75 ปี
ขบวนการเปลี่ยนแปลงนี้ ถือเป็นขบวนการปกติของคนเราทุกคน แต่จะเริ่มเสื่อมลงเร็ว หรือ ช้า ในระยะเวลาต่างๆกันในแต่ละคน โดยเฉลี่ยจะเริ่มอายุประมาณ 40 ปี ผู้หญิงอาจจะเร็วกว่าผู้ชายเล็กน้อย ถ้าคนที่มีสายตาสั้น อาจจะเริ่มเมื่ออายุมากกว่า 40 ปี คนที่สายตายาว อาจจะเริ่มเมื่ออายุน้อยกว่า 40 ปี นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับว่า ผู้ที่มีสายตาผิดปกตินั้นใช้แก้ไขด้วยวิธีใด เช่น คนสายตาสั้น ถ้าใช้คอนแทคเลนส์ (คอนแทคเลนส์/Contact lens) เป็นประจำ อาจจะเป็นสายตาสูงอายุเร็วกว่าคนสายตาสั้นขนาดเท่ากันที่ใช้แว่นตา เป็นต้น
คนบางคนอาจเข้ามาสู่ภาวะสายตาสูงอายุโดยไม่มีอาการอะไรมากเพียงแค่มองใกล้ไม่ชัด อ่านหนังสือไม่ได้ แต่ในบางคนอาจมาด้วยอาการปวดตา และ/หรือ ปวดศีรษะ เวลาใช้สายตามองใกล้ และอาจแสบตา เคืองตา มีอยู่บ่อยๆ ที่ผู้ป่วยมัวไปหาสาเหตุของอาการปวดศีรษะอยู่นานในที่สุดพบว่า เป็นเพียงสายตาสูงอายุเท่านั้นเอง เมื่อแก้ไขโดยใช้แว่น อาการทั้งหมดก็หายไป ถ้าท่านมีอายุ 40 ปีขึ้นไป มีอาการปวดตา ปวดศีรษะ จึงควรนึกถึงภาวะนี้ไว้ด้วย
อนึ่ง สายตาผู้สูงอายุ บางคนไปสับสนเป็นอันเดียวกับ สายตายาว ความเป็นจริงแล้วไม่ถูกต้อง จริงอยู่ที่ทั้ง 2 สภาวะมีวิธีแก้ไข โดยการใช้เลนส์แว่นตาเป็นเลนส์นูน ซึ่งมีกำลังเป็นบวกเหมือนกัน แต่ต่างเวลากัน สายตาผู้สูงอายุใช้เลนส์นูนเฉพาะเวลาดูใกล้ในคนสูงอายุ ส่วนสายตายาวพบได้ทุกอายุตั้งแต่แรกเกิดเลยก็ได้ และแว่นเลนส์นูนที่ใช้ ใช้ตลอดทั้งดูไกลและใกล้
การแก้ไข ภาวะสายตาผู้สูงอายุนี้ถือเป็นปกติตามวัย เฉกเช่น ผมหงอกขาว ผิวหนังเหี่ยวย่น เมื่ออายุมากขึ้น วิธีแก้ไขทำได้ง่ายมาก โดยการวัดสายตาประกอบแว่น ซึ่งมีทางเลือก ดังนี้
เมื่อมีอาการทางสายตา ไม่ว่าจะในช่วงอายุใด ควรรีบพบหมอตา (จักษุแพทย์) เสมอ เพราะอาการทางสายตา เกิดได้จากหลายโรค ดังนั้น การพบหมอตา จะช่วยให้วินิจฉัยสาเหตุได้ถูกต้อง และได้รับการรักษาที่ถูกต้องรวดเร็วขึ้น