siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

 

ขีดจำกัดการบริโภคสารให้ความหวาน: มาตรฐานจาก FDA และ WHO

ทั้ง องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และ องค์การอนามัยโลก (WHO) ผ่านหน่วยงานอย่าง Joint FAO/WHO Expert Committee on Food Additives (JECFA) ได้กำหนดขีดจำกัดการบริโภคสารให้ความหวานที่ปลอดภัยในรูปแบบ Acceptable Daily Intake (ADI) ซึ่งหมายถึงปริมาณสูงสุดของสารให้ความหวานที่สามารถบริโภคได้ทุกวันตลอดชีวิตโดยไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ค่า ADI นี้คำนวณจากน้ำหนักตัว (มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวต่อวัน) โดยตั้งระดับให้ต่ำกว่าระดับที่อาจเป็นอันตรายถึง 100 เท่า เพื่อความปลอดภัยสูงสุด


ขีดจำกัด ADI ของสารให้ความหวานยอดนิยม

ต่อไปนี้คือค่า ADI ของสารให้ความหวานที่ได้รับการรับรอง พร้อมเปรียบเทียบความหวานและตัวอย่างการบริโภค:

สารให้ความหวาน ความหวานเทียบกับน้ำตาล ADI (มก./กก. น้ำหนักตัว/วัน) หน่วยงาน
แอสปาร์แตม (Aspartame) 200 เท่า 50 (FDA), 40 (WHO) FDA, JECFA
ซูคราโลส (Sucralose) 600 เท่า 5 FDA, JECFA
สตีเวีย (Steviol Glycosides) 200-300 เท่า 4 (คำนวณจากสตีวิออล) JECFA, FDA (GRAS)
แซคคาริน (Saccharin) 300-400 เท่า 15 FDA, JECFA
อะซิซัลเฟม-เค (Acesulfame K) 200 เท่า 15 FDA, JECFA
ไซลิทอล (Xylitol) เท่ากับน้ำตาล ไม่มี ADI (แนะนำไม่เกิน 50 กรัม/วัน) FDA
อิริทริทอล (Erythritol) 70% ของน้ำตาล ไม่มี ADI (แนะนำไม่เกิน 50 กรัม/วัน) FDA (GRAS)

หมายเหตุ:

  • ไซลิทอลและอิริทริทอลถูกจัดเป็น GRAS (Generally Recognized as Safe) โดย FDA ไม่มี ADI เฉพาะ แต่ปริมาณมากอาจทำให้ท้องเสียหรือมีแก๊ส
  • สตีเวียในตารางคำนวณจากสตีวิออลไกลโคไซด์ที่สกัดบริสุทธิ์ ไม่ใช่ใบหญ้าหวานธรรมชาติ

ตัวอย่างการคำนวณปริมาณที่ปลอดภัย

สมมติคุณหนัก 60 กก. นี่คือปริมาณสูงสุดที่บริโภคได้ต่อวันสำหรับแต่ละสาร:

  • แอสปาร์แตม:
    • 40-50 มก./กก. × 60 = 2,400-3,000 มก./วัน
    • เทียบเท่า: น้ำอัดลมไดเอท 12-15 กระป๋อง (กระป๋องละ 180-200 มก.)
  • ซูคราโลส:
    • 5 มก./กก. × 60 = 300 มก./วัน
    • เทียบเท่า: ซองซูคราโลส 50-60 ซอง (ซองละ 5-6 มก.) หรือน้ำอัดลม Zero Sugar 5-6 กระป๋อง
  • สตีเวีย:
    • 4 มก./กก. × 60 = 240 มก./วัน (ในรูปสตีวิออล)
    • เทียบเท่า: หยดสตีเวีย 20-30 หยด หรือผงบริสุทธิ์ 1-2 กรัม (ขึ้นกับยี่ห้อ)
  • อะซิซัลเฟม-เค:
    • 15 มก./กก. × 60 = 900 มก./วัน
    • เทียบเท่า: เครื่องดื่มที่มีสารนี้ 20-25 กระป๋อง (30-40 มก./กระป๋อง)
  • ไซลิทอล:
    • ไม่เกิน 50 กรัม/วัน (50,000 มก.) เทียบเท่าน้ำตาลประมาณ 50 ช้อนชา แต่แนะนำให้ใช้ในปริมาณน้อยเพื่อป้องกันท้องเสีย

หมายเหตุ: ซูคราโลส 300 มก. ให้ความหวานเท่าน้ำตาล 180 กรัม (≈ 36 ช้อนชา) ซึ่งสูงกว่าที่ WHO แนะนำให้บริโภคน้ำตาลต่อวัน (6 ช้อนชา) มาก แสดงว่า ADI เป็นระดับที่ปลอดภัย ไม่ใช่เป้าหมายที่ควรบริโภคถึง


วิธีนำไปใช้ในชีวิตจริง

  1. คำนวณตามน้ำหนักตัว:
    • คูณน้ำหนักตัว (กก.) กับ ADI เช่น ถ้าคุณหนัก 50 กก. และใช้แอสปาร์แตม ปริมาณสูงสุดคือ 2,000-2,500 มก./วัน
  2. ตรวจฉลากผลิตภัณฑ์:
    • ดูปริมาณสารให้ความหวานในหน่วยมิลลิกรัมต่อหน่วยบริโภค (เช่น น้ำอัดลมกระป๋องละ 200 มก.)
  3. กระจายการบริโภค:
    • ไม่จำเป็นต้องถึงขีดจำกัด ADI ทุกวัน การใช้ให้น้อยกว่านี้ยิ่งปลอดภัย

ข้อควรระวัง

  • เด็กและหญิงตั้งครรภ์: ควรบริโภคต่ำกว่า ADI เพราะน้ำหนักตัวน้อยและร่างกายไวต่อสารมากกว่า WHO ยังแนะนำให้เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีหลีกเลี่ยงสารให้ความหวานทุกชนิด
  • ผู้ป่วยเฉพาะโรค:
    • แอสปาร์แตม: ห้ามใช้ในผู้ป่วยฟีนิลคีโตนูเรีย (PKU) เพราะมีฟีนิลอะลานีน
    • ไซลิทอล/อิริทริทอล: อาจทำให้ท้องเสียในผู้ที่มีลำไส้อ่อนไหว
    • ผู้ป่วยเบาหวานหรือโรคไตควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  • ผสมหลายชนิด: ถ้าใช้สารให้ความหวานหลายตัวพร้อมกัน (เช่น Acesulfame K ผสม Aspartame ในน้ำอัดลม) คำนวณรวมไม่ให้เกิน ADI ของแต่ละตัว
  • ปฏิกิริยาส่วนบุคคล: หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดหัวหรือท้องอืด แม้ไม่เกิน ADI ให้ลดปริมาณหรือเปลี่ยนชนิด

มุมมองจาก WHO (15 พฤษภาคม 2566)

WHO แนะนำว่าไม่ควรใช้สารให้ความหวานที่ไม่ใช่น้ำตาล (NSS) เช่น แอสปาร์แตม, ซูคราโลส, สตีเวีย เพื่อควบคุมน้ำหนักหรือป้องกันโรคไม่ติดต่อในระยะยาว เพราะ:

  • ไม่มีหลักฐานว่าช่วยลดไขมันในร่างกาย
  • อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานประเภท 2, โรคหัวใจ และการเสียชีวิตในบางกลุ่ม
  • ทางเลือกที่ดีกว่าคือลดน้ำตาลอิสระโดยรวม เช่น ใช้ผลไม้หรืออาหารไม่เติมหวาน

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยเบาหวานยังใช้ NSS ได้ภายใต้การดูแลของแพทย์ และ ADI ยังคงเป็นเกณฑ์ที่ปลอดภัย


สรุปและคำแนะนำ

  • ปลอดภัยในปริมาณ ADI: FDA และ WHO ออกแบบ ADI ให้ปลอดภัยแม้บริโภคทุกวัน โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่กินไม่ถึงขีดจำกัดนี้ (เช่น น้ำอัดลม 1-2 กระป๋อง หรือสตีเวียในกาแฟ 1-2 แก้ว)
  • ไม่ควรพึ่งพามากเกินไป: การบริโภคสารให้ความหวานแทนน้ำตาลในปริมาณมากอาจทำให้ติดรสหวาน ซึ่งขัดกับเป้าหมายสุขภาพระยะยาว
  • วิธีที่ดีกว่า: ค่อย ๆ ลดรสหวานโดยรวม ไม่ว่าจะจากน้ำตาลหรือสารทดแทน เพื่อปรับพฤติกรรมการกินให้ดีต่อสุขภาพ

😊

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว