siamhealth

หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน | อาหารเพื่อสุขภาพ

สตีเวีย (Stevia): สารให้ความหวานจากธรรมชาติ ปลอดภัยหรือไม่?

สตีเวีย (Stevia) เป็นสารให้ความหวานที่มาจากธรรมชาติ สกัดจากใบของต้น Stevia rebaudiana ซึ่งมีต้นกำเนิดในอเมริกาใต้ สตีเวียได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจาก ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 200-300 เท่า แต่ไม่มีแคลอรี และไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด

ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับสตีเวีย ข้อดี ข้อควรระวัง และความปลอดภัยของสารให้ความหวานชนิดนี้


สตีเวียคืออะไร?

สตีเวียเป็นสารให้ความหวานที่สกัดจากใบของต้น Stevia rebaudiana สารที่ให้ความหวานในสตีเวียเรียกว่า สตีวิออลไกลโคไซด์ (Steviol Glycosides) ซึ่งผ่านกระบวนการสกัดให้ได้สารที่บริสุทธิ์ก่อนนำมาใช้ในอาหารและเครื่องดื่ม


สตีเวียพบได้ในผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง?

✔️ เครื่องดื่มไร้น้ำตาล เช่น น้ำอัดลมไดเอท
✔️ ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
✔️ หมากฝรั่งและลูกอมแคลอรีต่ำ
✔️ อาหารและขนมเพื่อสุขภาพ
✔️ ซอสและน้ำสลัดสูตรไม่มีน้ำตาล


ข้อดีของสตีเวีย

ไม่มีแคลอรี – เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
ไม่กระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด – เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
ทนความร้อน – สามารถใช้ในการปรุงอาหารและขนมอบได้
มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ


ข้อควรระวังเกี่ยวกับสตีเวีย

⚠️ อาจมีรสขมในบางผลิตภัณฑ์

⚠️ อาจมีผลต่อความดันโลหิต

⚠️ บางผลิตภัณฑ์อาจมีการผสมสารอื่น


สตีเวียปลอดภัยหรือไม่?

องค์การอนามัยโลก (WHO), องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA), และสำนักงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งยุโรป (EFSA) ได้รับรองว่าสตีเวีย ปลอดภัยสำหรับการบริโภค

📏 ปริมาณที่แนะนำ

EFSA กำหนด ปริมาณบริโภคที่ปลอดภัย (Acceptable Daily Intake: ADI) ของสตีเวียที่ 4 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัว
🔹 ตัวอย่าง:

📌 เทียบกับเครื่องดื่มที่ใช้สตีเวีย
เครื่องดื่มไดเอท 1 กระป๋อง (330 มล.) มีสตีเวียประมาณ 30 มก.
👉 คนหนัก 70 กก. ต้องดื่มมากกว่า 9 กระป๋อง/วัน ถึงจะเกินขีดจำกัด


💡 สรุป

✔️ สตีเวียเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่ปลอดภัย และได้รับการรับรองจากองค์กรด้านสุขภาพ
✔️ ไม่มีแคลอรี ไม่กระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด และเหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน
⚠️ อาจมีผลต่อความดันโลหิต และบางผลิตภัณฑ์อาจมีสารเจือปน
📏 ควรบริโภคไม่เกิน 4 มก./กก. ของน้ำหนักตัว/วัน

คำแนะนำ: หากต้องการใช้สตีเวีย ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความบริสุทธิ์สูง และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารให้ความหวานอื่น เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพ 😊

grok

หญ้าหวาน (Stevia): สารให้ความหวานจากธรรมชาติที่มาแรง


หญ้าหวาน หรือ Stevia เป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการหลีกเลี่ยงน้ำตาลทรายหรือสารให้ความหวานสังเคราะห์ ด้วยรสชาติหวานเข้มข้นที่ปราศจากแคลอรีและแหล่งกำเนิดจากพืช Stevia ได้กลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งความอร่อยและสุขภาพ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก Stevia อย่างเจาะลึก ตั้งแต่ที่มา คุณสมบัติ ข้อดี ข้อเสีย และคำแนะนำจากหน่วยงานด้านสุขภาพ



Stevia คืออะไร?


Stevia มาจากพืชชื่อ Stevia rebaudiana ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองในอเมริกาใต้ โดยเฉพาะในปารากวัยและบราซิล ชาวพื้นเมืองในภูมิภาคนี้ใช้ใบของหญ้าหวานเพื่อเพิ่มรสหวานให้อาหารและยามานานนับศตวรรษ ความหวานของ Stevia มาจากสารประกอบที่เรียกว่า สตีวิออลไกลโคไซด์ (Steviol Glycosides) โดยเฉพาะ สตีวิโอไซด์ (Stevioside) และ รีบาว디오ไซด์ (Rebaudioside) ซึ่งให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 200-300 เท่า


Stevia ในรูปแบบที่วางจำหน่ายมักผ่านการสกัดและทำให้บริสุทธิ์ มีทั้งแบบผง น้ำหยด หรือเม็ด หลังจากได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ว่าเป็นสารที่ “Generally Recognized as Safe” (GRAS) ในปี 2008 และจาก Joint FAO/WHO Expert Committee on Food Additives (JECFA) Stevia ได้ถูกนำมาใช้ในเครื่องดื่ม อาหาร และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่างแพร่หลาย



ข้อดีของ Stevia


  1. ปราศจากแคลอรี: Stevia ไม่ให้พลังงาน เพราะร่างกายไม่ย่อยสลายสตีวิออลไกลโคไซด์เป็นพลังงาน เหมาะสำหรับผู้ควบคุมน้ำหนักหรือผู้ป่วยเบาหวาน

  2. มาจากธรรมชาติ: ต่างจากสารให้ความหวานสังเคราะห์ เช่น แอสปาร์แตมหรือซูคราโลส Stevia ดึงมาจากพืชโดยตรง ทำให้หลายคนรู้สึกวางใจมากกว่า

  3. ไม่กระทบน้ำตาลในเลือด: มีดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) เป็นศูนย์ จึงไม่เพิ่มระดับกลูโคสในเลือด

  4. อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ: บางการศึกษาชี้ว่า Stevia อาจช่วยลดความดันโลหิตและมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ แม้จะต้องวิจัยเพิ่มเติม


ข้อเสียและข้อกังวล


ถึงแม้ Stevia จะมีข้อดีเด่น แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรรู้:


  1. รสชาติเฉพาะตัว: Stevia มักมีรสขมหรือคล้ายชะเอม (licorice) ติดลิ้น โดยเฉพาะในปริมาณมาก ซึ่งบางคนอาจไม่ชอบ

  2. ราคาค่อนข้างสูง: กระบวนการสกัดทำให้ Stevia มีราคาแพงกว่าสารให้ความหวานสังเคราะห์หรือน้ำตาลทราย

  3. ข้อจำกัดในการปรุงอาหาร: แม้จะทนความร้อนได้ดี แต่ Stevia ไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาคาราเมลเหมือนน้ำตาล จึงอาจไม่เหมาะกับสูตรขนมบางชนิด

  4. ความกังวลในอดีต: ก่อนหน้านี้ Stevia เคยถูกสงสัยว่าอาจก่อมะเร็ง แต่การทดสอบสมัยใหม่พิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยในปริมาณที่กำหนด


Stevia ปลอดภัยแค่ไหน?


JECFA กำหนดปริมาณการบริโภคที่ปลอดภัย (Acceptable Daily Intake - ADI) ของสตีวิออลไกลโคไซด์ไว้ที่ 4 มก./กก. น้ำหนักตัว/วัน (คำนวณจากสตีวิออล) ส่วน FDA รับรอง Stevia ในสถานะ GRAS ซึ่งหมายความว่าปลอดภัยในระดับที่ใช้ทั่วไปในอาหาร


  • ตัวอย่าง: ถ้าคุณหนัก 60 กก. ปริมาณสูงสุดที่ปลอดภัยคือ 240 มก./วัน (ในรูปสตีวิออล) เทียบเท่ากับผง Stevia บริสุทธิ์ประมาณ 1-2 กรัม หรือหยด Stevia 20-30 หยด (ขึ้นกับความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์)

  • ในชีวิตจริง: การใช้ Stevia ในกาแฟ 1-2 แก้ว (2-3 หยด) หรือโรยในโยเกิร์ต มักอยู่ที่ 10-20 มก. ซึ่งต่ำกว่า ADI มาก

WHO (แนวปฏิบัติ 15 พฤษภาคม 2566) แนะนำว่าไม่ควรใช้สารให้ความหวานที่ไม่ใช่น้ำตาล (รวมถึง Stevia) เพื่อควบคุมน้ำหนักหรือป้องกันโรคไม่ติดต่อในระยะยาว เนื่องจากขาดหลักฐานถึงประโยชน์ต่อการลดไขมัน และอาจมีความเสี่ยงเล็กน้อยต่อสุขภาพ แต่ในปริมาณ ADI Stevia ยังคงปลอดภัย



Stevia ในชีวิตประจำวัน


คุณอาจพบ Stevia ใน:


  • เครื่องดื่ม: น้ำอัดลมสูตรหวานจากธรรมชาติ (เช่น Coca-Cola Life ในบางประเทศ)

  • ของหวาน: โยเกิร์ต ไอศกรีมปราศจากน้ำตาล

  • ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ: ผงชงดื่มหรืออาหารเสริม

มันยังมีจำหน่ายในรูปแบบผง หยด หรือเม็ดตามซูเปอร์มาร์เก็ต เหมาะสำหรับใส่ในชา กาแฟ หรือสมูทตี้



ใช้ Stevia อย่างไรให้เหมาะสม?


Stevia เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความหวานจากธรรมชาติ แต่ควรใช้อย่างมีสติ:


  • ใช้ในปริมาณน้อย: เริ่มจาก 1-2 หยดหรือหยิบมือเล็ก ๆ เพราะมันหวานมาก

  • ปรับตามรสชาติ: ถ้ารู้สึกขม ลองลดปริมาณหรือผสมกับผลไม้เพื่อกลบรส

  • เหมาะกับเครื่องดื่มเย็น: เช่น น้ำมะนาวหรือชาเย็น เพื่อรสชาติที่กลมกล่อม

  • ลดการพึ่งพา: ใช้เป็นตัวช่วยชั่วคราว และฝึกกินอาหารไม่หวานบ้างเพื่อสุขภาพระยะยาว


สรุป: Stevia ดีอย่างไร ควรระวังอะไร?


Stevia เป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่ปลอดภัยในปริมาณ ADI (4 มก./กก. น้ำหนักตัว/วัน) และมีข้อดีที่ไม่มีแคลอรี ไม่กระทบน้ำตาลในเลือด และเป็นมิตรกับผู้ที่หลีกเลี่ยงสารสังเคราะห์ อย่างไรก็ตาม รสขมและราคาอาจเป็นข้อจำกัด และ WHO ไม่แนะนำให้ใช้เพื่อควบคุมน้ำหนักในระยะยาว หากคุณอยากลดน้ำตาลและชอบความเป็นธรรมชาติ Stevia อาจเป็นเพื่อนที่ดี แต่ควรใช้อย่างสมดุล คุณเคยลอง Stevia หรือมีคำถามอะไรเพิ่มเติมไหม? บอกมาได้เลยค่ะ!

 

gemini

สตีเวีย (Stevia) เป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่สกัดได้จากใบของพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Stevia rebaudiana ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอเมริกาใต้ สตีเวียได้รับความนิยมอย่างมากในฐานะสารให้ความหวานทางเลือกจากธรรมชาติ เนื่องจากให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายหลายเท่า แต่ไม่ให้พลังงาน

ประวัติและความเป็นมา

คุณสมบัติและประโยชน์

ข้อควรระวังและประเด็นถกเถียง

การใช้งาน

สตีเวียมีจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ เช่น:

สรุป

สตีเวียเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่มีประโยชน์หลายประการ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือผู้ป่วยเบาหวาน อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูลและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สตีเวียที่ได้มาตรฐาน

 

deepseek

สตีเวีย (Stevia): สารให้ความหวานจากธรรมชาติ ทางเลือกสุขภาพที่ต้องรู้จัก

สตีเวีย (Stevia) เป็นสารให้ความหวานธรรมชาติที่กำลังมาแรงในกลุ่มคนรักสุขภาพ เนื่องจากให้ความหวานสูงกว่าน้ำตาล 200-300 เท่า โดยไม่เพิ่มแคลอรีหรือระดับน้ำตาลในเลือด แต่หลายคนยังกังวลเรื่องรสชาติและผลข้างเคียง บทความนี้สรุปทุกแง่มุมของสตีเวีย ตั้งแต่ต้นกำเนิด วิธีใช้ ไปจนถึงคำถามคาใจว่า “สตีเวียดีจริงหรือ?”


1. สตีเวียคืออะไร? มาจากไหน?


2. ข้อดีของสตีเวีย

2.1 เหมาะกับผู้ควบคุมน้ำหนักและเบาหวาน

2.2 ปลอดภัยต่อสุขภาพฟัน

2.3 ได้รับการรับรองจากองค์กรสากล


3. ข้อเสียและข้อควรระวัง

3.1 รสชาติ

3.2 ผลข้างเคียงในบางคน

3.3 ข้อถกเถียงเรื่องฮอร์โมน


4. วิธีใช้สตีเวียในชีวิตประจำวัน

วัตถุประสงค์ วิธีใช้ สัดส่วนเทียบน้ำตาลทราย
ชา/กาแฟ ใช้สตีเวียน้ำ 2-3 หยด 1 หยด ≈ น้ำตาล 1 ช้อนชา
ทำขนมอบ ใช้สตีเวียผง 1 ช้อนชา แทนน้ำตาล 1 ถ้วย (ลดของเหลวในสูตร 1/4 ส่วน)
ปั่นสมูทตี้ ผสมใบสตีเวียบด 1/2 ช้อนชา ให้ความหวานเท่าน้ำตาล 3 ช้อนชา

หมายเหตุ:


5. สตีเวีย VS สารให้ความหวานอื่น: เปรียบเทียบในตาราง

หัวข้อ สตีเวีย แอสปาร์แตม น้ำผึ้ง
แหล่งที่มา ธรรมชาติ สังเคราะห์ ธรรมชาติ
แคลอรี 0 4 แคลอรี/กรัม 64 แคลอรี/ช้อนโต๊ะ
ผลต่อน้ำตาลในเลือด ไม่มี ไม่มี เพิ่ม
ความทนความร้อน สูง (200°C) ต่ำ (สลายตัวที่ 150°C) สูง
ราคา สูง ปานกลาง ปานกลาง

6. คำถามพบบ่อย (FAQ)

6.1 สตีเวียเหมาะกับใคร?

6.2 หญิงตั้งครรภ์กินสตีเวียได้ไหม?

6.3 ทำไมบางยี่ห้อรสชาติไม่ดี?


7. สรุป: สตีเวียคือตัวเลือกที่ดีไหม?


หากคุณกำลังมองหาสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลที่ “หวานจริง แต่ไม่ทำร้ายสุขภาพ” สตีเวียคือคำตอบที่คุ้มค่ากับการลอง! 🌿

 

 

 

 

ทบทวนวันที่

โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว