Hematuria: ปัสสาวะมีเลือด สาเหตุและการดูแล
วันที่เรียบเรียง: 21 มิถุนายน 2568
ผู้เรียบเรียง: นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภานุภัทร, อายุรแพทย์, แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
Hematuria คืออะไร
Hematuria หรือ ปัสสาวะมีเลือด คือภาวะที่มีเม็ดเลือดแดง (Red Blood Cells, RBCs) ในปัสสาวะมากผิดปกติ อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า (Gross Hematuria) หรือพบได้เฉพาะเมื่อตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ (Microscopic Hematuria) ภาวะนี้อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติในระบบทางเดินปัสสาวะหรือไต เช่น การติดเชื้อ นิ่ว หรือโรค autoimmune เช่น SLE Hematuria ไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการที่ต้องหาสาเหตุเพื่อรักษาให้ตรงจุด
ประเภทของ Hematuria
-
Gross Hematuria: ปัสสาวะมีสีแดง ชมพู หรือน้ำตาล มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มักบ่งชี้ความผิดปกติรุนแรง เช่น นิ่วในไตหรือมะเร็ง
-
Microscopic Hematuria: พบเม็ดเลือดแดง >3-5 ตัว/HPF (High Power Field) ในการตรวจปัสสาวะด้วยกล้องจุลทรรศน์ มักไม่มีอาการและพบจากการตรวจสุขภาพ
-
Transient Hematuria: เกิดชั่วคราว เช่น จากการออกกำลังกายหนักหรือการติดเชื้อเล็กน้อย
-
Persistent Hematuria: พบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะอย่างต่อเนื่อง ต้องตรวจเพิ่มเพื่อหาสาเหตุ
สาเหตุของ Hematuria
1. สาเหตุจากระบบทางเดินปัสสาวะ
-
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI): เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis) หรือไตอักเสบ (Pyelonephritis)
-
นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ: นิ่วในไต กระเพาะปัสสาวะ หรือท่อไต ทำให้ระคายเคืองและมีเลือดออก
-
มะเร็ง: เช่น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ไต หรือต่อมลูกหมาก (พบในผู้สูงอายุ)
-
การบาดเจ็บ: เช่น อุบัติเหตุหรือการสวนท่อปัสสาวะ
-
ต่อมลูกหมากโต (BPH): พบในผู้ชายสูงอายุ
2. สาเหตุจากไต
-
Glomerulonephritis: การอักเสบของหน่วยกรองไต (Glomeruli) เช่น IgA Nephropathy, Post-Streptococcal Glomerulonephritis
-
Lupus Nephritis: พบในผู้ป่วย SLE (Systemic Lupus Erythematosus) มักมี Proteinuria ร่วม
-
โรคไตเรื้อรัง (CKD): ความเสียหายของไตในระยะยาว
-
Polycystic Kidney Disease (PKD): ภาวะถุงน้ำในไต
3. สาเหตุอื่น
-
ยาและสารเคมี: เช่น Warfarin, Aspirin, Cyclophosphamide, สารพิษ
-
การออกกำลังกายหนัก: เช่น วิ่งมาราธอน (Exercise-Induced Hematuria)
-
โรคเลือด: เช่น Sickle Cell Anemia, Hemophilia
-
การติดเชื้อทั่วไป: เช่น ไวรัสตับอักเสบ, HIV
-
ประจำเดือน: การปนเปื้อนของเลือดประจำเดือนในปัสสาวะ
อาการที่เกี่ยวข้อง
-
หากไม่มีอาการอื่น: Microscopic Hematuria มักพบจากการตรวจสุขภาพ
-
อาการร่วม:
-
ปัสสาวะแสบขัด: บ่งชี้ UTI หรือนิ่ว
-
ปวดท้องหรือสีข้าง: บ่งชี้ไตอักเสบหรือนิ่ว
-
บวม, ความดันสูง: บ่งชี้ Glomerulonephritis หรือ Lupus Nephritis
-
ไข้, อ่อนเพลีย: บ่งชี้การติดเชื้อหรือ SLE
-
น้ำหนักลด, ซีด: บ่งชี้มะเร็งหรือ CKD
-
ในผู้ป่วย SLE: Hematuria มักมี Proteinuria, RBC Casts, ผื่น, ปวดข้อ หรืออาการกำเริบ
การวินิจฉัย Hematuria
การรักษา Hematuria
-
รักษาตามสาเหตุ:
-
UTI: ยาปฏิชีวนะ เช่น Nitrofurantoin, Ciprofloxacin
-
นิ่ว: ดื่มน้ำมาก, ยาขับนิ่ว (Tamsulosin), หรือผ่าตัด (ESWL, Ureteroscopy)
-
Lupus Nephritis: Corticosteroids (Prednisolone), ยากดภูมิ (Mycophenolate Mofetil, Cyclophosphamide)
-
มะเร็ง: ผ่าตัด, เคมีบำบัด, รังสีรักษา
-
ต่อมลูกหมากโต: ยา (Finasteride) หรือผ่าตัด
-
ยา: หยุดยาที่เป็นสาเหตุ เช่น Warfarin (ปรึกษาแพทย์)
-
การดูแลอาการ:
-
ในกรณีรุนแรง:
การดูแลตนเอง
-
ดื่มน้ำเพียงพอ: 2-3 ลิตร/วัน เพื่อป้องกันนิ่วและ UTI (เว้นแต่แพทย์จำกัด)
-
หลีกเลี่ยงยาที่ทำลายไต: เช่น Ibuprofen, Naproxen
-
ควบคุมโรคพื้นฐาน: SLE, เบาหวาน, ความดันสูง
-
ลดเกลือและโปรตีน: หากมี Proteinuria หรือ CKD
-
งดสูบบุหรี่: ลดความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
-
ออกกำลังกายพอเหมาะ: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักเกิน
-
พบแพทย์สม่ำเสมอ: ติดตามผลปัสสาวะและการทำงานของไต
การป้องกัน Hematuria
-
ป้องกัน UTI: ล้างมือ, ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์, หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ
-
ป้องกันนิ่ว: ดื่มน้ำมาก, ลดอาหารเค็มและ oxalate (เช่น ผักโขม)
-
ตรวจสุขภาพประจำปี: รวมการตรวจปัสสาวะในผู้ที่มีความเสี่ยง (เช่น SLE, ผู้สูงอายุ)
-
หลีกเลี่ยงสารพิษ: เช่น สารเคมีในโรงงาน
-
จัดการ SLE: ปฏิบัติตามแผนการรักษาและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น (เช่น แสงแดด)
ควรพบแพทย์เมื่อใด
-
ปัสสาวะมีสีแดง, ชมพู, หรือน้ำตาล
-
ปัสสาวะแสบขัด, ปวดท้อง, หรือมีไข้
-
บวม, ความดันสูง, หรืออ่อนเพลีย
-
อาการ SLE กำเริบ เช่น ผื่น, ปวดข้อ
-
พบ Microscopic Hematuria ในการตรวจสุขภาพ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
-
Hematuria คืออะไร?
-
อะไรเป็นสาเหตุของ Hematuria?
-
การติดเชื้อ, นิ่ว, มะเร็ง, Lupus Nephritis, หรือยาบางชนิด
-
Hematuria อันตรายหรือไม่?
-
ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติมหากพบ Hematuria?
-
สามารถป้องกัน Hematuria ได้อย่างไร?
สรุป
Hematuria หรือปัสสาวะมีเลือดเป็นสัญญาณของความผิดปกติในระบบทางเดินปัสสาวะหรือไต สาเหตุมีตั้งแต่การติดเชื้อเล็กน้อยไปจนถึงมะเร็งหรือ Lupus Nephritis การวินิจฉัยต้องอาศัยการตรวจปัสสาวะ เลือด และภาพถ่าย การรักษาขึ้นกับสาเหตุ ผู้ป่วยควรพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการและดูแลตนเองเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
ทบทวนวันที่
โดย นายแพทย์ ประพันธ์ ปลื้มภาณุภัทร อายุรแพทย์,แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว