การรักษาโรคเริม

 

แบ่งการรักษาออกเป็นการรักษาในภาวะเฉียบพลัน และการรักษาเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ

ปัจจัยกระตุ้นในการกลับเป็นซ้ำ

  • สิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นได้แก่ การถูไถ การสัมผัสลม แสง ความเย็น เสื้อผ้าคับๆ เหงื่อ
  • ความเครียด
  • อาหารได้แก่ ถั่ว กาแฟ แอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต 
  • การมีประจำเดือน
  • การนอนหลับ ความเครียด ไข้

ใครมีปัจจัยเสี่ยงในการได้รับเชื้อ herpes simplexh1

ทุกๆคนจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ herpes simplex โดยเฉพาะกลุ่มที่มีฐานะไม่ดี โดยเชื้อ (HSV-1) จะติดต่อทางสารหลั่งในปาก ส่วน (HSV-2) จะติดต่อทางอวัยวะเพศ ทวารหนัก เมื่อเชื้อเข้าทางผิวหนังเชื้อจะไปตามเส้นประสาท ทำให้เชื้อลามเป็นบริเวณกว้างและอาจจะเกิดผื่นที่บริเวณใหม่

  • ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเริมที่ปากคือวัยเด็กอายุ 4-5 ปีมักติดต่อทางการสัมผัสเช่นการใช้ของร่วมกัน การจูบ ไม่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เชื้อนี้สามารถติดต่อจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งโดยเฉพาะที่ตาโดยการสัมผัสด้วยมือดังนั้นต้องล้างมือให้สะอาด
  • ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเริมที่อวัยวะเพศมักเกิดในผู้ที่มีคู่ขาหลายคน การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก oral sex ซึ่งเชื้อที่เป็นสาเหตุมักจะเป็น type 1 การป้องกันการติดเชื้อควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางคุมกำเนิดขณะมีอาการติดเชื้อ
  • การเป็นเริมในทารกมักจะติดเชื้อในแม่ที่ติดเชื้อ HSV-2 และมีการคลอดก่อนกำเนิดหรือต้องใช้เครื่องมือในการคลอด
  • ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่นเช่น นักมวยปล้ำ นักรักบี้ นักมวย ผู้ป่วยโรคเอดส์

 

มีการศึกษาว่าแม้จะไม่มีผื่น หรืออาการเชื้อก็สามารถแพร่ออกมาได้ ดังนั้นไม่มีหลักประกันว่าการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่มีอาการจะปลอดภัยจากโรคเริม

โรคแทรกซ้อนของการติดเชื้อ herpes simplex

  • การตั้งครรภ์และการติดเชื้อ herpes simplex พบว่าคนท้องที่ติดเชื้อประมาณร้อยละ 0.01.0.04 อาจจะเกิดการแท้ง คลอดก่อนกำหนด เด็กเจริญเติบโตช้าโดยเฉพาะการติดเชื้อใกล้คลอดดังนั้นแนะนำว่าควรจะรักษาหากเกิดการติดเชื้อเมื่อใกล้คลอด การติดเชื้อครั้งแรกจะเกิดโรคแทรกซ้อนได้บ่อยกว่าการติดเชื้อที่กลับเป็นซ้ำ
  • Herpes Encephalitis เกิดจากเชื้อที่อยู่ในระยะ Latency และเกิดการแบ่งตัวผู้ป่วยอาจจะเสียชีวิตหากไม่ได้รักษาแต่โชคดีที่พบน้อย
  • Herpes Meningitis พบได้ร้อยละ 4-8 ในคนที่เป็น primary genital HSV-2พบมากในผู้หญิงแต่ไม่ต้องตกใจเนื่องจากหายเองใน 2-7วันผู้ป่วยจะปวดศีรษะ อาเจียน และมีไข้
  • ผู้ป่วยโรคเอดส์และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจากยา เช่น steroid มะเร็ง ยารักษามะเร็งหากผู้ป่วยกลุ่มนี้ติดเชื้อ herpes simplex จะเป็นรุนแรงมีโรคแทรกซ้อนปอดบวม ตับอักเสบ สมองอักเสบ
  • การติดเชื้อที่ตา อาจจะทำให้ตาพร่ามัว ในรายที่เป็นรุนแรงอาจจะทำให้ตาบอด

การวินิจฉัย

tzank
  • สามารถทำได้โดยการซักประวัติและการตรวจร่างกายพบผื่นดังกล่าวข้างต้น
  • การเพาะเชื้อไวรัสโดยการนำน้ำ ใต้ตุ่มใสไปเพาะเชื้อ โดยเฉพาะควรจะนำหลังจากเกิดผื่นแล้วไม่เกิน 3 วัน การตรวจนี้ไม่ได้ผลในรายที่ผื่นตกสะเก็ด หรือผื่นของการกลับเป็นซ้ำ
  • การตรวจโดยกล้องจุลทัศน์โดยการนำเนื้อเยื่อไปส่องกล้องพบเซลล์ตัวโต

การรักษา

มียารับประทานให้เลือก 3 ตัวให้เลือกในการรักษา ยาทั้ง 3 ตัวมิไดให้หายขาดเพียงแต่ลดความรุนแรง ลดความถี่และลดระยะเวลาที่เป็น ยาทั้ง 3 ได้แก่ Acyclovir,Valacyclovir,Famciclovir การให้ยามีได้ 2 ลักษณะคือ

  1. Acute therapy หมายถึงการเริ่มให้ยาตั้งแต่เริ่มมีอาการคือปวดแสบปวดร้อนโดยที่ยังไม่มีผื่นขึ้น ถ้ามีผื่นขึ้นจะไม่ได้ผล ให้ยาครบ 5 วัน
  2. Suppress therapy คือการให้ยาเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำจะเลือกให้ในรายที่เกิดกรกลับเป็นซ้ำบ่อย หรือมีโรคประจำตัว

สำหรับยาทายังไม่มียาทาที่ได้ผลดี ยาทาอาจจะได้ผลในแง่ลดอาการปวด ทำให้ผื่นแห้งเร็วยาที่นิยมใช้คือ acyclovir ครีมซึ่งได้ผลเฉพาะ primary lesion ยาทาไม่ช่วยลดจำนวนเชื้อหรือลดระยะเวลาที่เป็นโรค สำหรับยาอื่นต้องเลือกให้ดีเพราอาจจะมีแอลกอฮอล์ หรือสารที่ระคายอย่างอื่นซึ่งทำให้แผลหายช้ายาซึ่งมีส่วนผสมของ steroidก็ไม่ควรใช้เพราะแผลจะหายช้า

เป็นครั้งแรก
(รักษา 7-10 วัน)

กลับเป็นซ้ำ
(รักษา 5 วัน)

การป้องกัน

acyclovir (Zovirax)

400mg 3ครั้ง/วัน
หรือ
200mg 5ครั้ง/วัน

400mg 3ครั้ง/วัน
หรือ
200mg five times/day
หรือ
800mg 2ครั้ง/วัน

400mg 2ครั้ง/วัน

famciclovir
(Famvir)

250mg 3ครั้ง/วัน

125mg 2ครั้ง/วัน

250mg 2ครั้ง/วัน

valacclovir
(Valtrex)

1000mg 2ครั้ง/วัน

500mg 2ครั้ง/วัน

500mg วันละครั้ง
or
1000 mg วันละครั้ง


ปัจจัยกระตุ้นในการกลับเป็นซ้ำและการรักษา โรคเริมที่ปาก โรคเริมที่อวัยวะเพศ โรคเริม