ยาคุมกำเนิดรักษาสิว
เราใช้ยาคุมกำเนิดในการรักษาสิวมาหลายปี โดยมากจะต้องเป็นยาคุมกำเนิดที่มีส่วนผสมของเอสโตรเจน estrogen ร่วมกับฮอร์โมนชนิดอื่นๆได้แก่
- ยาคุมกำเนิดที่มีส่วนผสมของ estrogen กับ progestin ที่เรียกว่า norgestimate
- ยา estrogen ผสมกับ progestin ที่เรียกว่า norethindrone
- ยา estrogen ผสมกับ progestin ที่เรียกว่า drospirenone แต่ยาคุมกำเนิดชนิดนี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด
การใช้ยาคุมกำเนิดรักษาสิวจะใช้กับคนที่มีสุขภาพดี และต้องการคุมกำเนิดด้วย และรักษาด้วยยาทาแล้วไม่ได้ผล
กลไกการออกฤทธิ์
Androgens เป็นฮอร์โมนเพศที่ทำให้ต่อมไขมันสร้างไขมันเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการอุดตันต่อมไขมัน และเมื่อมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วยจะทำให้เกิดสิวที่มีการอักเสบ ยาคุมกำเนิดที่มีส่วนผสมของ estrogen and progesterone จะทำให้การผลิต Androgens ลดลงจึงทำให้การผลิตไขมันลดลงจึงเกิดสิวลดลง
การใช้ยาคุมกำเนิดรักษาสิวจะรักษาสิวชนิดความรุนแรงน้อยจนถึงรุนแรงมากแต่มีเงื่อนไขคือ
- อายุขั้นต่ำต้อง14-15 ปี
- มีประจำเดือนแล้ว
- จำเป็นต้องใช้ยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดจะได้ผลดีกับผู้ที่มีไขมันมาก จะต้องใช้ยาคุมกำเนิดหลายเดือนจึงจะควบคุมสิวได้ นอกจากยาคุมกำเนิดแล้วแพทย์มักจ่ายยาทารักษาสิว และยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน
ประโยชน์ของยาคุมกำเนิดรักษาสิว
- ลดการกำเริบของสิว
- ลดการอักเสบ
- ลดการเกิดสิวชนิดรุนแรง
- มีหัวสิวลดลง
ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด
ปัจจุบันยาคุมกำเนิดจะมีฮอร์โมน estrogen และ progesterone ปริมาณในปริมาณที่ต่ำกว่าอดีตเพื่อลดความเสี่ยงของ
ความเสี่ยงอื่นๆได้แก่
มีโรคหรือภาวะอะไรที่ไม่ควรจะใช้ยาคุมกำเนิด
- ประวัติเป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ลิ่มเลือดที่เท้า
- เป็นโรคเกิดลิ่มเลือดง่าย
- ประวัติเป็นมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งเต้านม มะเร็งตับ
- โรคตับ โรคเบาหวาน โรคไมเกรน
- สูบบุหรี่และอายุมากกว่า 35 ปี
- กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- อ้วนมากและไม่เคลื่อนไหว