การรักษาทั่วไปโดยไม่ใช้ยา (Non pharmacologic therapies)

  1. การให้ความมั่นใจกับผู้ป่วย ดังที่กล่าวข้างต้นแล้วว่าการวินิจฉัยโรคนี้ตาม criteria โดยการซักประวัติอย่างละเอียดแล้วไม่พบอาการเตือนและตรวจร่างกายไม่พบโรคอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการแบบเดียวกันได้จะมีความแม่นยำในการวินิจฉัยสูง ดังนั้นการให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและความสัมพันธ์อันดีของผู้รักษากับผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความมั่นใจว่าโรคที่เป็น ๆ หาย ๆ และเป็นเรื้อรังได้ นอกจากนี้การอธิบาบให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายของการรักษาว่าอาจไม่หายขาด แต่รักษาเพื่อให้อาการดีขึ้นก็เป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้เพื่อลดการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่น ๆ ที่ซ้ำซ้อนและไม่จำเป็นลง

  1. การป้องกัน ควบคุมและรักษาปัจจัยกระตุ้น ปัจจัยกระตุ้น ได้แก่
  2. อาหาร

    ควรแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารที่ผู้ป่วยสังเกตเองได้ว่าทำให้อาการแย่ลง ส่วนใหญ่ ได้แก่ อาหารมัน เครื่องดื่ม alcohol และ caffeine ซึ่งพบว่ากระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ทำให้ปวดท้องมากขึ้น และไม่ควรรับประทานอาหารมากเกินไป ในผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสียเป็นอาการเด่นควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มี lactose เช่น นม เนื่องจากอาจมี lactose intolerance ร่วมด้วย ไม่ควรรับประทานผลไม้ปริมาณมาก ๆ และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มี sorbitol เป็นส่วนประกอบ ในผู้ป่วยที่มีอาการท้องอืดการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกากมาก เช่น ถั่ว บร็อกเคอรี่ ดอกกำหล่ำ ก็อาจบรรเทาอาการผู้ป่วยลงได้

    ความเครียด

    เป็นปัจจัยสำคัญที่พบว่ามีผลต่อการรักษาและการพยากรณ์โรค ผู้รักษาควรซักประวัติถึงปัจจัยนี้เสมอเพื่อให้คำปรึกษาแกผู้ป่วย การปรับพฤติกรรมและการออกกำลังกายมีส่วนช่วยบรรเทาอาการผู้ป่วยและทำให้ตอบสนองต่อการรักษาอย่างต่อเนื่องได้ มีการศึกษาพบว่าผู้ป่วยที่มีอาการมากและมีปัญหาทางจิตเวชชัดเจน การบำบัดทางจิตด้วยเทคนิคต่าง ๆ โดยจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาสามารถลดอาการปวดและท้องเสียลงได้ แต่ในปัจจุบันการศึกษาที่เป็น randomized controlled trial ยังไม่สามารถสรุปประสิทธิภาพของการบำบัดทางจิต (psychotherapy) ได้



    1. การปรับเปลี่ยนอาหาร

    สำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกเป็นอาการเด่น การรักษาควรเริ่มจากการปรับอาหารที่มีกากในปริมาณที่เหมาะสม โดยค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้นจนได้ประมาณ 20-25 g. ต่อวัน เส้นใยอาหารได้จากคาร์โบไฮเดรตจากพืชที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ ได้แก่ cellulose, hemicelluloses, pectins และ lignins แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่จะทำหน้าที่ย่อยสลายเป็น short chain fatty acids, gas และน้ำ ซึ่งมีผลทำให้อุจจาระนุ่มลง เป็นก้อนมากขึ้นและกระตุ้นทำให้ลำไส้บีบตัวมากขึ้น การเพิ่มปริมาณเส้นใยอาหารอาจทำให้มีอาการท้องอืด และมีลมในท้องมากขึ้นได้ในช่วงเริ่มต้นจะค่อย ๆ ดีขึ้นได้เองในเวลาเป็นสัปดาห์

    อาหารบางประเภทอาจจะทำให้อาการปวดท้องกำเริบ

    • อาหารไขมันสูง
    • อาหารประเภทนมบางประเภท
    • เครื่องดื่มสุรา และกาแฟ
    • สารให้ความหวาน
    • อาหารที่ทำให้เกิดก๊าซมาก

    คำแนะนำทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องอาหาร

    • รับประทานอาหารทั่วไป และรับประทาน 3 มื้อต่อวัน
    • อย่างดอาหารมือใดมื้อหนึ่ง และอย่าให้ผิดเวลา
    • ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว
    • ชา กาแฟ ไม่เกิน 3 แก้วต่อวัน
    • ลดการดื่มสุรา
    • รับประทานอาหารที่มีใยอาหารมาก
    • รับประทานผลไม้ไม่เกิน 3 ส่วนต่อวัน(1ส่วนเท่ากับ80กรัม)
    • ผู้ที่มีอาการท้องร่วงให้หลีกเลี่ยงสารให้ความหวาน
    การใช้ยาในภาวะที่ท้องผูก | ท้องเสีย | ปวดท้อง ลำไส้แปรปรวน