วัคซีนป้องกันโรคคอตีบและบาดทะยักชนิด dT
วัคซีนผสมของคอตีบและบาดทะยัก วัคซีนกลุ่มนี้มี 2 ชนิดได้แก่วัคซีน DT และวัคซีน dT ซึ่งแตกต่างกันที่ปริมาณของทอกซอยด์คอตีบ โดยทอกซอยด์คอตีบที่ใช้ในเด็กต่ำกว่า 7 ปีจะมีปริมาณสูงถึง 30 Lf (DT) ส่วนวัคซีนที่มีปริมาณทอกซอยด์คอตีบต่ำอยู่ที่10 Lf (dT) ใช้สำหรับผู้ใหญ่หรือเด็กที่อายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไป
โรคคอตีบและบาดทะยักเป็นโรคที่อันตราย เมื่อป่วยด้วยโรคนี้จะมีโรคแทรกซ้อนซึ่งอาจจะรุนแรงถึงกับพิการหรือเสียชิวิต โรคทั้งสองสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน แต่เนื่องจากปัจจุบันการเคลื่อนย้ายของประชาชนจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้บางโรคที่หมดไปจากประเทศไทยอาจจะกลับมาระบาดในประเทศไทย ดังนั้นผู้ที่เคยได้วัคซีนนี้ตั้งแต่เด็กควรจะได้รับวัคซีนนี้กระตุ้นเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกัน
วัคซีนนี้จะฉีดในผู้ใหญ่เพื่อกระตุ้นให้เกิดภูมิต่อโรคบาดทะยักและโรคคอตีบ ควรจะฉีดทุก 10ปี หรือฉีดเมื่อเกิดแผลที่สกปรก วัคซีนนี้มีความปลอดภัยเมื่อให้ร่วมกับวัคซีนชนิดอื่น
วัคซีนนี้ไม่ควรฉีดกับผู้ใดบ้าง
- ผู้ที่เคยแพ้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบและบาดทะยักอย่างรุนแรง
- ก่อนฉีดวัคซีนให้ปรึกษาแพทย์หากมีโรคหรือภาวะต่อไปนี้ให้ปรึกษาแพทย์
- โรคลมชักหรือโรคทางสมอง
- ปวดหรือบวใหลังฉีดวัคซีน
- เป็นโรค Guillain Barré Syndrome (GBS),
- ไม่สบายก่อนฉีดวัคซีน
ผลข้างเคียงวัคซีน
ผลข้างเคียงของวัคซีนมักจะไม่รุนแรงและหายไปเองโดยที่ไม่ต้องให้การรักาา แต่ผลข้างเคียงที่รุนแรงก็พบได้แต่น้อยมาก ผู้ที่ได้รับวัคซีนนี้ส่วนใหญ่มักจะไม่เกิดปัญหา
ผลข้างเคียงเล็กน้อย(ไม่มีผลต่อการทำกิจวัตรประจำวัน)ที่พบได้
- ปวดบริเวณที่ฉีดวัคซีน(พบ8ใน10คน)
- บวมและแดงบริเวณที่ฉีด(พบ1ใน3คนที่ฉีด)
- มีไข้ต่ๆ(พบ1ใน15คนที่ฉีด)
- ปวดศีรษะ(พบไม่บ่อย)
- บางรายอาจจะมีไข้สูงถึง 102°F แต่พบน้อย
ผลข้างเคียงของวัคซีนทีรุนแรงและต้องเฝ้าติดตามได้แก่
- ปวดและบวมมาก หรือมีเลือดออกบริเวณที่ฉีด แต่พบน้อยมาก
ปัญหาที่พบระหว่างการฉีดวัคซีน
- หน้ามืดเป็นลมระหว่างการฉีดวัคซีนซึ่งเป็นอาการที่พบได้เมื่อฉีดยาหรือวัคซีน ให้นั่งหรือนอนพัก 15 นาทีหลังฉีดยาก็จะป้องกันหน้ามืดเป็นลมได้
- ปวดไหลและเคลื่อนไหวลำบากซึ่งพบได้น้อยมาก
- แพ้ยาชนิดรุนแรงซึ่งพบได้น้อยมาก
คำแนะนำหลังจากฉีดวัคซีน
ให้สังเกตว่ามีอาการของการแพ้ยารุนแรงหรือไม่เช่น บวมริมฝีปาก หนังตาบวม แน่นหน้าอก หายใจเสียงดัง หายใจเหนื่อย หรือไข้สูง หรือมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป หากมีอาการดังกล่าวให้แจ้งแพทย์หรือรีบไปโรงพยาบาล