ยากลุ่ม Bile acid sequestrants(Cholestyramine)
เป็นยาที่จับกับน้ำดีในทางเดินอาหารผลทำให้ตับขาดน้ำดีในการสร้างไขมัน Chloresterol ลดลง ยาในกลุ่มนี้มีสามตัวได้แก่ cholestyramine 24| colestipol 20 g | cholestagel 4.5 g ยาแต่ละตัวจะลด LDL ได้ร้อยละ 18-25
ข้อสำคัญก่อนการใช้ยา
หากเกิดอาการดังต่อไปนี้ให้หยุดยาและพบแพทย์
- ปัสสาวะเป็นเลือด
- ปวดกระเพาะอาหาร
- ท้องผูก
- หายใจเหนื่อย
- ถ่ายอุจาระดำ
- เกิดจ้ำเลือดที่ผิวหนังได้ง่าย
ผลข้างเคียงของยา
- ท้องผูกเป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดซึ่งขึ้นกับปริมาณที่รับประทาน และอายุ
- ปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน
- เลือดออกง่าย จ้ำเลือด
- ลมพิษ หอบหืด
- ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
- ปัสสาวะเป็นเลือด
ยานี้ทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้ ท้องผูก เนื่องจากยานี้อาจจะลดการดูดซึมของยาชนิดอื่น แนะนำให้รับประทานยานี้ก่อนยาชนิดอื่น 4 ชั่วโมง หรือหลังยาชนิดอื่น 1 ชั่วโมง ยานี้อาจจะทำให้ร่างกายขาดวิตามินที่ละลายในน้ำ
การใช้ยานี้ร่วมกับยาชนิดอื่น
ยานี้อาจจะชลอการดูดซึมของยาทำให้ยาอื่นด้อยประสิทธิภาพ
Bile acid sequestrants
- ยาในกลุ่มนี้ได้แก่ Cholestyramine [4-16 g],Colestipol [5-20gm],Colesevelam[2.6-3.8gm]
- ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์ในการจับกับไขมันในลำไส้เพื่อขับออกทางอุจาระ
- ยากลุ่มนี้ลด LDLได้ร้อยละ15-30%และเพิ่มระดับ HDLได้ร้อยละ 3-5 %
- ผลข้างเคียงของยาแน่นท้อง ท้องผูก ลดการดูดซึมของยาบางชนิด
- ข้อห้ามใช้ ในผู้ป่วยที่มีtriglycerideสูงกว่า 400 มก.%
ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาCholestyramine
- ใช้ลดไขมัน
- ช่วยบรรเทาอาการคันอันเนื่องมาจากท่อน้ำดีอุดตันบางส่วน
- บรรเทาอาการท้องเสียเนื่องมาจากการดูดซึมกลับของน้ำดีผิดปกติ
วิธีการใช้ยา Cholestyramine
- โดยทั่วไปรับประทานครั้งละ 1 ซอง วันละ 2-4 ครั้ง ยานี้มีขายในรูปผลยาบรรจุซองละ 4 กรัม วิธีใช้ให้ผสมน้ำหรือน้ำผลไม้ 1 แก้ว คนให้ละลายแล้วจึงดื่ม
- ขนาดใช้ยาต้องปรับตามข้อบ่งใช้หรือตามแพทย์สั่ง
- เนื่องจากยานี้มีข้อบ่งใช้หลายอย่าง จึงต้องได้รับการตรวจจากแพทย์ก่อน โดยเฉาะการใช้ยาเพื่อลดระดับไขมันในเลือด อย่าปรับขนาดหรือหยุดยาเอง
- เนื่องจากยานี้อาจจับกับยาอื่น ๆ ได้ ทำให้การดูดซึมของยาอื่นลดลง จึงควรรับประทานยาอื่นก่อนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือหลังยานี้ 4-6 ชั่วโมง
ทำอย่างไรถ้าลืมรับประทานยา Cholestyramine
ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากใกล้กับเวลารับประทานครั้งต่อไป ให้รับประทานยาครั้งต่อไปตามปกติโดยไม่ต้องเพิ่มเป็น 2 เท่า
เมื่อเกิดอาการข้างเคียงควรทำอย่างไร
ผู้ที่ใช้ยาขนาดสูงเป็นเวลานานหรือคนสูงอายุ อาจมีอาการท้องผูก แนะนำให้เพิ่มอาหารที่มีกากใยและดื่มน้ำมาก ๆ หากเป็นรุนแรงควรปรึกษาแพทย์ อาการท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องเสีย อาจหายไปได้เมื่อใช้ยาต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าไม่หายหรือรุนแรงขึ้น ให้หยุดยาแล้วพบแพทย์
ข้อควรระวัง
ควรบอกแพทย์หากมีประวัติท้องผูก โรคหัวใจ โรคกระเพาะ โรคถุงน้ำดีผิดปกติ หรือรับประทานยาอื่นอยู่ แม้ว่ายานี้ไม่ถูกดูดซึมเข้ากระแสโลหิต แต่ก็ควรระวังในสตร
ความปลอดภัยของยานี้ในสตรีมีครรภ์
สำหรับสตรีมีครรภ์ ยานี้จัดอยู่ในประเภท C