ยาแก้ปวดลดการอักเสบ Sulindac

Sulindac เป็นยาต้านอักเสบในกลุ่ม nonsteroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs) โดยการลดฮอร์โมนที่ทำให้เกิดการอักเสบ และอาการปวดใช้รักษาโรคที่มีอาการปวด เช่น ข้ออักเสบ เอ็นอักเสบ โรคเกาต์

ยานี้มีผลข้างเคียงที่ผู้รับประทานจะต้องทราบ

ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

  • ยากลุ่ม NSAIDs จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง ความเสี่ยงนี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ยานี้เป็นเวลานาน และมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ยา Sulindac ห้ามระงับอาการปวดหลังผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจ

ปัจจัยเสี่ยงต่อระบบทางเดินอาหาร

  • ยากลุ่ม NSAIDs จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนทางเดินอาหารได้แก่ เลือดออกทางเดินอาหาร แผลกระเพาะอาหาร กระเพาะทะลุ


ก่อนจะใช้ยา Sulindac จะต้องแจ้งแพทย์

  • หากคุณเป็นโรคหอบหืดหรือโรคภูมิแพ้
  • หากท่านเคยเป็นโรคกระเพาะหรือแผลในกระเพาะอาหาร
  • หากคุณเคยเป็นโรคลำไส้อักเสบ Crohn's diseaseหรือ ulcerative colitis.
  • กำลังตั้งครรภ์หรือให้ยมบุตร
  • อายุน้อยกว่า 18 ปี หรือมากกว่า 65 ปี
  • เป็นโรคไตหรือโรคตับ
  • เป็นนิ่วในไต
  • มีปัญหาเรื่องโรคหลอดเลือด หรือโรคหัวใจ
  • เป็นโรคความดันโลหิตสูง
  • มีประวัติเลือดออกง่าย
  • เป็นโรค SLE
  • รับประทานยาหรือสมุนไพรอื่น
  • ประวัติเคยแพ้ยากลุ่ม NSAID (เช่น as aspirin, ibuprofen, diclofenac, and indometacin)

ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา Sulindac

ยา Sulindacใช้ในการรักษาอาการปวดและอักเสบของโรค

  • ข้อเสื่อม
  • โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • โรค Ankylosing spondylitis
  • โรคเอ็นหัวไหล่อักเสบ
  • โรคเกาต์

ขนาดและวิธีรับประทานยา Sulindac

ก่อนจะใช้ยา Sulindac จะต้องประเมินประโยชน์และโทษของยา และพยายามใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดที่จะรักษาอาการของโรค

  • ยานี้ให้รับประทานวันละ 2 ครั้งขนาดไม่เกินวันละ 400 มิลิกรัม
  • สำหรับโรค ข้อเสื่อม (osteoarthritis), โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์(rheumatoid arthritis), และ ankylosingspondylitis ให้เริ่มขนาด 150 มิลิกรัมวันละ 2 ครั้งและปรับยาตามการตอบสนองต่อการรักษา
  • สำหรับโรคเก๊าต์ และ โรคเอ็นหัวไหล่อักเสบ ให้เริ่มครั้งละ 200 มิลิกรัมวันละ 2 ครั้ง

ข้อห้ามในการใช้ยา Sulindac

  • เคยมีประวัติแพ้ยา
  • โรคหอบหืด ลมพิษหลังจากรับประทานยากลุ่ม NSAIDs
  • ห้ามใช้แก้ปวดสำหรับผู้ป่วยผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจ

สำหรับผู้ที่ใช้ยา Sulindac หากเกิดอาการดังต่อไปนี้ให้หยุดยาและพบแพทย์

แม้ว่าผลข้างเคียงที่รุนแรงจะเกิดไม่บ่อย แต่อาจจะอันตรายต่อผู้ที่ใช้ยา ดังนั้นหากเกิดอาการดังต่อไปนี้ให้หยุดยาและพบแพทย์

  • หายใจลำบาก หรือหายใจมีเสียงดังวีดซึ่งอาจจะเกิดกำเริบของโรคหอบหืด
  • บวมรอบปาก รอบตา หรือมีผื่นซึ่งเกิดจากการแพ้ยา
  • แน่นหน้าอก อ่อนเพลีย หายใจหอบ พูดไม่ชัด มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว หรือการมองเห็น
  • อาเจียนสีดำหรือเป็นเลือด ถ่ายอุจาระเหลวสีดำหรือถ่ายเป็นเลือด
  • ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ
  • ปัสสาวะมีเลือดปน หรือมีอาการปวดเมื่อปัสสาวะ
  • คลื่นไส้อาเจียน แน่นท้อง ไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร ปัสสาวะสีเข้ม อุจาระซีด ตัวเหลืองตาเหลือง
  • ไข้ ผืนแดง ผิวหนังลอก เจ็บคอ
  • ผิวมีจ้ำเลือด เลือดออกง่าย ปวดกล้ามเนื้อ

ข้อควรระวังในการใช้ยา Sulindac

  • ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีประวัติเลือดออก หรือมีแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้
  • ไม่ควรให้ยานี้แก่เด็ก สตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตรเนื่องจากยังไม่มีการศึกษาถึงความปลอดภัย
  • ควรบอกแพทย์หรือเภสัชกรหากแพ้ยาแอสไพรินหรือยาบรรเทาข้ออักเสบอื่น ๆ
  • การใช้ยา Sulindac อาจจะทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด หรือหลอดเลือดทางสมองกำเริบ ดังนั้นไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือดในขนาดยาที่สูงหรือนาน
  • หากมีอาการแน่นหน้าอกซึ่งเป็นอาการของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หายใจเหนื่อยหอบ อาการเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง ต้องรีบพบแพทย์

ผลข้างเคียงของยา Sulindac

  • หากเกิดอาการรู้สึกไม่สบายมีอาการถ่ายเหลว ให้รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย และดื่มน้ำทดแทนปริมาณน้ำที่สูญเสียไป
  • แน่ท้อง แสบท้อง วิธีแก้ไขให้รับประทานยาหลังอาหารทันที หากยังเกิดอาการก็ให้ปรึกษาแพทย์
  • อาการอื่นที่พบบ่อยได้แก่ มึนงง เวียนศีรษะ นอนไม่หลับ บ้านหมุ มีเสียงในหู หากอาการดังกล่าวเป็นมากให้ปรึกษากับแพทย์

ความปลอดภัยของยานี้ในสตรีมีครรภ์

สำหรับสตรีมีครรภ์ ยานี้จัดอยู่ในประเภท B (ประเภท D เมื่อใกล้คลอด)


จะต้องหลีกเลี่ยงอะไรหากรับประทานยา Sulindac

  • หลีกเลี่ยงการดื่มสุราเพราะจะเพิ่มความเสี่ยงเลือดออกในกระเพาะอาหาร
  • ไม่ควรรับประทานยาแก้ปวดหรือยารักษาไข้หวัดที่มีส่วนผสมของยากลุ่มNSAIDs โดยจะต้องอ่านสลากยาก่อนรับประทาน
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้าๆ

หากท่านรับประทานยาดังต่อไปนี้จะต้องแจ้งแพทย์

 

ข้อระวังในการใช้ยากลุ่ม NSAID NSAIDs