ยาปฏิชีวนะ Augmentin

ชื่อการค้า  Augmentin  

หากเกิดอาการดังต่อไปนี้ให้หยุดยาและพบแพทย์

  • ท้องร่วงเป็นน้ำหรือมีเลือดปน
  • ซีดหรือตัวเหลืองตาเหลืองคลื่นไส้ ปัสสาวะเข้ม
  • เลือดออกง่ายหรือมีจ้ำเลือด
  • ผื่นตามผิวหนัง ปวดกล้ามเนื้อ

ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา

ยาสูตรผสมระหว่าง amoxicillin และ clavulonic acid ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อที่มีสาเหตุจากแบคทีเรีย ได้แก่ การติดเชื้อที่หู ปอด ไซนัส ผิวหนัง และทางเดินปัสสาวะ amoxicillin เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนิซิลลิน ทำหน้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย clavulonic acid เป็นยาที่ยับยั้งเอนไซม์ beta-lactamase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้แบคทีเรียถูกทำลายโดย amoxicillin ยาปฏิชีวนะไม่สามารถรักษาโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือการติดเชื้อไวรัสอื่นๆ

  • การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างได้แก่ หลอดลมอักเสบ ปอดบวมที่เกิดจากเชื้อ Haemophilus influenzae and Moraxella catarrhalis.
  • หูชั้นกลางอักเสบจากเชื้อ  H. influenzae และ M. catarrhalis
  • ไซนัสอักเสบ
  • ผิวหนังอักเสบจากเชื้อ Staphylococcus aureus, Escherichia coli, และ Klebsiella species
  • ทางเดินปัสสาวะอักเสบ

วิธีใช้ยา 

  • ยานี้เป็นยาผงแห้งชนิดผสมก่อนใช้สำหรับประทาน
  • โดยปกติให้รับประทานพร้อมอาหารหรืออาหารว่างทุก 8 ชั่วโมง (วันละ 3 ครั้ง) หรือทุก 12 ชั่วโมง (วันละ 2 ครั้ง)
  • เพื่อป้องกันการลืมรับประทานยา ควรรับประทานตามเวลาเดิมทุกวัน
  • ใช้ยานี้ตามวิธีที่ระบุบนฉลากอย่างเคร่งครัด ห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
  • ยาสูตรผสมระหว่าง amoxicillin และ clavulonic acid ในขนาดต่างๆ จะมีปริมาณ amoxicillin ต่างกัน แต่มีปริมาณ clavulonic acid เท่ากัน ไม่ควรนำยาในขนาดที่ต่ำกว่ามารับประทานทดแทนยาในขนาดที่สูงกว่า (เช่น รับประทาน 125 มิลลิกรัม 2 ช้อนชา แทน 250 มิลลิกรัม 1 ช้อนชา) เพราะจะทำให้ได้รับปริมาณ clavulonic acid เพิ่มเป็นสองเท่า ซึ่งอาจเพิ่มผลข้างเคียงจากตัวยา clavulonic acid
  • รับประทานติดต่อกันจนยาหมด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม การหยุดรับประทานยาอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียดื้อยาได้
  • เขย่าขวดให้เนื้อยาเข้ากันดีก่อนรับประทานยา

ขนาดของยา

  • ผู้ใหญ่จะให้ขนาด 500มก ทุก 12 ชั่วโมง หรือ 250 มก ทุก 8 ชั่วโมง
  • สำหรับรายที่มีอาการค่อนข้างจะรุนแรงจะเริ่มให้ขนาด 875 มกทุก 12 ชั่วโมง หรือ 500 มกทุก 8 ชั่วโมง
  • สำหรับผู้ใหญ่ที่มีปัญหาในการกลืนอาจจะให้ชนิดผงผสมน้ำชนิด 125มก หรือ 250 มกแทนขนาด500 มกก็ได้
  • ไม่ควรใช้ขนาด 250 มก 2เม็ดแทนขนาด 500 มกเพราะปริมาณ clavulanic acidจะสูงกว่าขนาด500มก
  • ชนิด 250 มก ชนิดเม็ดและเคี้ยวไม่ควรนำมาทดแทนกันเพราะปริมาณ clavulanic acid ไม่เท่ากัน

รูปแบบของยา

ยาเม็ด

  • 250-mg/125-mg Tablets:ประกอบไปด้วย 250 mg amoxicillin และ 125 mg clavulanic acid
  • 500-mg/125-mg Tablets:ประกอบไปด้วย 500 mg amoxicillin และ 125 mg clavulanic
  • 875-mg/125-mg Tablets: ประกอบไปด้วย 875 mg amoxicillin และ 125 mg clavulanic acid

ชนิดผงผสมน้ำ

  • 125 mg/31.25 mg per 5 mL:ประกอบไปด้วย 125 mg amoxicillinและ 31.25 mg clavulanic acid
  • 200 mg/28.5 mg per 5 mL:ประกอบไปด้วย 200 mg amoxicillin และ 28.5 mg clavulanic acid
  • 250 mg/62.5 mg per 5 mL: ประกอบไปด้วย 250 mg amoxicillin และ 62.5 mg clavulanic acid
  • 400 mg/57 mg per 5 mL ประกอบไปด้วย 400 mg amoxicillin และ 57.0 mg clavulanic acid

ชนิดเคี้ยว

  • 125-mg/31.25-mg Chewable Tablets:ประกอบไปด้วย 125 mg amoxicillin และ 31.25 mg clavulanic acid
  • 200-mg/28.5 mg Chewable Tablets:ประกอบไปด้วย 200 mg amoxicillin และ 28.5 mg clavulanic acid
  • 250-mg/62.5-mg Chewable Tablets: ประกอบไปด้วย 250 mg amoxicillin และ 62.5 mg clavulanic acid
  • 400-mg/57-mg Chewable Tablets:ประกอบไปด้วย 400 mg amoxicillin และ 57.0 mg clavulanic acid

สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ 

  • ประวัติการแพ้ยา amoxicillin, clavulonic acid, penicillin, ยาในกลุ่ม cephalospirins หรือยาอื่น
  • ยาประจำที่ใช้อยู่ ทั้งที่แพทย์สั่งจ่ายหรือซื้อมารับประทานเอง รวมทั้งวิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร
  • โรคหรืออาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่หรือเคยเป็นมาก่อนหน้า เช่น โรคไต โรคตับ โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด ลมพิษ หรือโรคโมโนนิวคลิโอสิส (mononucleosis)
  • ยาสูตรผสมระหว่าง amoxicillin และ clavulonic acid อาจลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ควรใช้วิธีคุมกำเนิดวิธีอื่นระหว่างที่รับประทานยานี้
  • ตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร หากตั้งครรภ์ระหว่างรับประทานยานี้ควรรีบแจ้งแพทย์ทันที

ผลข้างเคียงของยา

  • แพ้ยาพบมากในผู้ที่เคยมีประวัติแพ้ยากลุ่มเพนนิซิลิน จะมีอาการไข้ ผื่นตามตามบางคนผิวลอก หากเป็นรุนแรงจะมีอาการแพ้แบบรุนแรง Anaphylaxis
  • ตับอักเสบ พบรายงานว่ามีตับอักเสบจากการใช้ยานี้ เมื่อหยุดยาอาการจะดีขึ้น
  • ลำไส้อักเสบ Clostridium difficile Associated Diarrhea (CDAD) ซึ่งเกิดจากตัวเชื้อ Clostridium difficile สร้างสารเคมี  toxins A and B ซึ่งทำให้เกดโรค บางท่านอาจจะเกิดอาการหลังจากใช้ยาไปแล้ว 2 เดือน
  • เกิดผื่นหากให้ในผู้ป่วย Mononucleosis
  • การเกิดเชื้อรา เนื่องจากการให้ยาปฏิชีวนะนานจะทำให้เชื้อรามีการเจริญมากจนเกิดอาการฝ้าขาวในปาก หรือตกขาว

อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา 

  1. อาการอันไม่พึงประสงค์ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที 
  •  มีอาการผื่นแพ้รุนแรง มีอาการผื่นแพ้รุนแรง คัน คัน ลมพิษ ลมพิษ
  • หายใจหรือกลืนลำบาก หายใจหรือกลืนลำบาก หายใจมีเสียงหวีด หายใจมีเสียงหวีด
  • ตัวเหลืองตาเหลือง
  • คันหรือมีของเหลวคัดหลั่งจากช่องคลอด
  1. อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ
  • ท้องเสีย ท้องไส้ปั่นป่วน อาเจียน ผื่นคันเล็กน้อย

ความปลอดภัยของยานี้ในสตรีมีครรภ์

สำหรับสตรีมีครรภ์ ยานี้จัดอยู่ในประเภท B