ยาปฏิชีวนะ Dicloxacillin

หากเกิดอาการดังต่อไปนี้ให้หยุดยาและปรึกษาแพทย์

  • มีไข้แน่นท้องเบื่ออาหาร ตัวเหลืองตาเหลือง ปัสสาวะเข้ม
  • ท้องร่วงโดยเฉพาะหากมีเลือดปน
  • อาการเหมือนไข้หวัด ไข้ ปวดตามกล้ามเนื้อ
  • เลือดออกง่าย จ้ำเลือดตามตัว
  • ปัสสาวะออกน้อย

ข้อบ่งชี้ในการใช้ยา

ยานี้เป็นยาปฏิชีวนะคล้ายเพนิซิลลิน ใช้ขจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคิดเชื้อ เช่น เชื้อ Staphylococcus ที่ดื้อต่อยา เพนิซิลลิน ผลการทดสอบเชื้อออกมาว่าใช้เพนนิซิลินได้ก็ไม่ควรใช้ยา dicloxacillin สำหรับอวัยวะที่ติดเชื้อและสามารถใช้ยานี้ได้แก่ ปอดบวม การติดเชื้อในหู ทางเดินปัสสาวะ กระดูก และผิวหนัง


ขนาดและวิธีการใช้ยา

ขนาดและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นกับโรคหากเป็นโรคที่รุนแรงจะต้องใช้ยานาน 14 วัน หรือให้ต่อหลังจากไข้ลงแล้ว 2 วัน ให้รับประทานยาติดต่อกันทุกวันจนหมด ถึงแม้อาการจะหายแล้วก็ตาม หากรีบหยุดยาก่อนอาจเกิดการติดเชื้อขึ้นอีก

  • ไม่ควรจะใช้ยารับประทานชนิดนี้ในรายที่มีการติดเชื้อรุนแรง หรือโลหิตเป็นพิษ
  • โดยทั่วไปรับประทานครั้งละ 500 มก. ทุก 6 ชม. หรือวันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง และก่อนนอน ยานี้มีขายในรูปแคปซูลขนาด 250 และ 500 มก.
  • ยาผงแห้งเติมน้ำก่อนใช้ความแรง 62.5 มก./5 มล.

ผลข้างเคียงของยา

การแพ้ยา

การแพ้ยากลุ่มนี้มีด้วยกันสองชนิดได้แก่

  1. การแพ้ยาอย่างเฉียบพลัน มักจะเกิดหลังจากได้ยาไปแล้ว 20 นาที อาการก็มีตั้งแต่มีผื่น ผื่นลมพิษ ปากบวม หรือรุนแรงจนกระทั่งความดันโลหิตต่ำ หลอดลมเกร็งที่เรียกว่า Anaphylaxis
  2. อาการแพ้ที่เกิดหลังจากได้ยาไปแล้วตั้งแต่ 2วันถึง 2 สัปดาห์จะมีอาการไข้ ปวดตามข้อ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียนมีผื่นที่เรียกรวมกันว่า serum like sickness syndrome

ข้อระวัง

  • ไม่ควรจะใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ยาเพนนิซิลิน
  • ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคหอบหืดให้ระวังเพราะยาเพนนิซิลินอาจจะกระตุ้นให้โรคนี้กำเริบ
  • ผู้ป่วยที่มีอาการหนักหรือรุนแรงไม่ควรจะใช้ชนิดรับประทานเนื่องจากอาจจะเกิดปัญหาเรื่องดูดซึมยา ปัญหาเรื่องคลื่นไส้อาเจียน หรืออาหารไม่ย่อย

ความปลอดภัยของยานี้ในสตรีมีครรภ์

สำหรับสตรีมีครรภ์ ยานี้จัดอยู่ในประเภท B