ถั่วเหลืองและความดันโลหิตและไขมันในเลือด
จากแนวทางการรักษาและป้องกันโรคหัวใจปี2003 กล่าวไว้ว่าความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดจะเริ่มที่ระดับความดัน 115/75 มิลิเมตรปรอท และความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อความดันเพิ่ม 20/10 มิลิเมตรปรอท ส่วนผู้ที่มีความดันระดับ 120-139/80-89 จัดอยู่ในภาวะ prehypertension ซึ่งจะต้องดูแลสุขภาพตัวเองเพื่อป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด การศึกษานี้เป็นการศึกษาโดยใช้โปรตีนจากถั่วเหลือง มาแทนโปรตีนจากสัตว์ และมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูผลต่อความดันโลหิต และระดับไขมันในเลือดโดยศึกษาผู้หญิงวัยทอง 60 คน โดยความดันปกติ48 คนความดันโลหิตสูง 12 คนทั้งสองกลุ่มได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม พลังงานที่ได้รับเท่ากัน แต่โปรตีนมาจากสัตว์กลุ่มหนึ่ง และมาจากถั่วเหลืองอีกกลุ่มหนึ่ง โดยทั้งสองกลุ่มจะต้องไม่มีข้อห้ามดังต่อไปนี้
- ไม่สูบบุหรี่หรือเลิกไปแล้วมากกว่า 1 ปี
- ไม่เป็นโรคหัวใจ
- ไม่เป็นเบาหวาน
- ไม่เป็นมะเร็งเต้านม
- ความดันโลหิตมากว่า165/100
- ดื่มสุราน้อยกว่า21หน่วยสุราต่อสัปดาห์
- ไม่ได้ใช้ยาลดไขมัน
ทั้งสองกลุ่มจะได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหมือนกันคือ
- พลังงานจากไขมันประมาณ30%(? 7% saturated, 12% monounsaturated, 11% polyunsaturated);
- พลังงานจาดโปรตีน15%
- พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต์ 55 %
- ปริมาณไขมัน cholesterolน้อยกว่า 200 มิลิกรัมต่อวัน
- แคลเซียม 1200 มิลิกรัมต่อวัน
- รับประทานปลาสัปดาห์ละ 2 มื้อ
- เกลือน้อยกว่า 2 กรัมต่อวัน
ผลการศึกษาพบว่า
- โปรตีนจากถั่วเหลืองสามารถลดระดับความดันโลหิตทั้งคนที่ความดันโลหิตสูงและความดันปกติ
- ระดับความดันที่ลดลงประมาณ 15 มิลิเมตรปรอท(30%)สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง และ 6 มิลิเมตรสำหรับผู้ที่มีความดันปกติ
- ค่าความดันเฉลี่ยลดลง 6,2,มิลิเมตรในความดันสูงและความดันปกติ
- ดัชนีมวลกายทั้งสองกลุ่มไม่ต่างกัน
- ระดับไขมันที่ไม่ดีลดลงร้อยละ11
จึงไม่น่าแปลกใจที่ชาวเอเซียจะมีระดับความดันโลหิตต่ำกว่าประเทศตะวันตก เพราะชาวเอเซียจะรับประทานถั่วเหลืองมากกว่าตะวันตก จากข้อมูลสถิติพบว่า
- ระดับความดันโลหิตที่เพิ่ม20/10จะมีอัตราการเพิ่มขึ้นของโรคหัวใจและหลอดเลือด 2 เท่า
- ลดความดัน systolic 12 มิลิเมตรจะป้องกันการเสียชีวิต 1 คนทุก 11 คน
- ลดความดัน diastolic 2 มิลิเมตรปรอทจะลดอัตราการเกิดโรคหัวใจลงร้อยละ6 โรคหลอดเลือดสมองลงร้อยละ 15
ถั่วเหลืองและสุขภาพ |