การวินิจฉัยไข้หวัดมรณะ SARS

 

เท่าที่มีหลักฐานในขณะนี้แพทย์เชื่อว่าโรคไข้หวัดมรณะจะเกิดจากเชื้อไวรัส ที่เรียกว่า  SARS-associated coronavirus (SARS-CoV). เมื่อแพทย์ได้รับตัวผู้ป่วยที่สงสัยว่าจะเป็นไข้หวัดมรณะ [Suspected case] แพทย์ก็จะทำการตรวจวินิจฉัยให้เร็วเพื่อการรักษาและการป้องกันการติดต่อสู่ผู้อื่น ในการส่งเลือดหรือสารคัดหลั่งจะต้องมีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และจะต้องติดป้ายให้ชัดเจนว่าเป็นผู้ป่วยที่สงสัยจะเป็นไข้หวัดมรณะ

  1. Antibody testsการตรวจทางภูมิคุ้มกัน โดยใช้วิธี enzyme immunoassay (EIA) และ indirect fluorescent-antibody (IFA) หากให้ผลบวกแสดงว่าเคยติดเชื้อมาก่อน แต่บางคนจะให้ผลบวกเมื่อติดเชื้อและเกิดอาการไปแล้ว 20 วัน หากเจาะเลือดเมื่อเกิน 21 วันหลังเกิดอาการและให้ผลลบ แสดงว่าผู้นั้นมิได้เป็นโรค SARS การตรวจ Immunoflorescence Assays (detecting Immunoglobulin M) จะตรวจพบภูมิหลังจากเกิดอาการแล้ว 10 วัน
  2. การตรวจ Reverse transcription-polymerase chain reaction (RT-PCR) เป็นการตรวจหา RNA ในเสมะ อุจาระ และน้ำอสุจิ
  3. นำเสมหะหรือสารคัดหลั่งไปเพาะเชื้อCell culture
     และย้อมสี
  4. ตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่องกล้องตรวจ
  5. การตรวจทางกล้อง electron microscope
  6. การตรวจทาง DNA
  7. การเพาะเชื้อไวรัส
  8. X-ray ปอด
  9. วัดความเข้มข้นของOxygen [pulse oximetry]
  10. เจาะเลือดเพาะนำเลือดไปเพาะหาเชื้อโรค[Blood culture]
  11. ตรวจหาสาเหตุอื่นเช่น เชื้อไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น


แพทย์ บุคคลที่สัมผัสใกล้ชิดจะต้องป้องกันการติดเชื้อโดยปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ผู้ที่มีอาการเข้าเกณฑ์การวินิจฉัยว่าเป็นโรคSARS แต่การตรวจเลือดให้ผลลบเนื่องจาก

  1. ผู้ป่วยอาจจะไม่โรค SARS แต่อาจจะเกิดจากเชื้อไวรัวตัวอื่น
  2. การตรวจเลือดอาจจะยังไวไม่พอ
  3. การเก็บเลือดหรือสิ่งที่จะส่งตรวจยังเก็บไม่ถูกเวลา ไม่ถูกวิธี

เกณฑ์การวินิจฉัยโรคSARS

เกณฑ์ทางคลินิก Clinical criterior

  1. ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย Asymptomatic or mild respiratory illness
  2. มีอาการทางเดินหายใจปานกลาง Moderate respiratory illness
  • ไข้มากกว่า 3องศา
  • มีอาการทางระบบหายใจ เช่น ไอ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ขาดออกซิเจน (One or more clinical findings of respiratory illness (e.g., cough, shortness of breath, difficulty breathing, or hypoxia)
  1. มีอาการทางเดินหายใจมาก
  • ไข้มากกว่า 38 องศา
  • มีอาการทางระบบหายใจ เช่น ไอ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ขาดออกซิเจน
  • X-RAY พบว่ามีปอดบวม
  • เกิดอาการหายใจไม่ออกเนื่องจากน้ำท่วมปอด respiratory distress syndrome
  • ผ่าศพพิสูจณ์แล้วไม่พบสาเหตุของเชื้อปอดบวม

เกณฑ์ทางระบาดวิทยา

  • เคยไปประเทศที่มีการระบาดก่อนเกิดอาการ 10 วัน
  • สัมผัสใกล้ชิดกับคนที่สงสัยว่าว่าจะเป็นโรค SARS

เกณฑ์ทางห้องปฏิบัติการณ์

  1. ให้ผลบวก
  • พบภูมิคุ้มกันของเชื้อในขณะเจ็บป่วยหรือหลังจากมีอาการแล้ว 20 วัน
  • การตรวจ RT-PCR ให้ผลบวก
  • การเพาะเชื้อให้ผลบวกต่อ SARS-CoV
  1. ให้ผลลบ
  • ตรวจไม่พบภูมิหลังจากเกิดอาการไปแล้ว 21 วัน
  1. ไม่ยืนยัน
  • ไม่ได้ส่งตรวจ หรือส่งตรวจแต่ไม่ครบถ้วน

การวินิจฉัย

Propable case ผู้ป่วยจะมีเกณฑ์ทางคลินิกตั้งอาการเป็นมากโดยที่ตรวจไม่พบเชื้อหรือสาเหตุ และได้มีประวัติสัมผัสกับโรคโดยที่เกณฑ์ทางห้องปฏิบัติการณ์ให้ผลบวก หรือให้ผลลบ หรือไม่ยืนยัน

Suspectedcase ผู้ป่วยมีเกณฑ์ทางคลินิกมีอาการทางเดินหายใจปานกลาง ได้มีประวัติสัมผัสโรค ผลทางห้องปฏิบัติการให้ผลบวก ลบ หรือไม่ยืนยัน

กลับหน้าหลัก