หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน

การเตรียมสถานที่ทำงานสำหรับการระบาดของโรคติดต่อ

การระบาดของโรคติดต่อทั่วโลกเรียก pandemic ซึ่งเกิดจากการเกิดเชื้อโรคตัวใหม่ระบาดขึ้นมา โดยที่ประชาชนยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ ทำให้เชื้อโรคติดต่อจากคนสู่คน ซึ่งมีผลต่อสังคม การทำงาน การท่องเที่ยว เศรษฐกิจ หน่วยงานทั้งภาคเอกชนและรัฐบาลจะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการระบาด เพื่อลดผลกระทบกับบริษัท และสังคมโดยรวม

นายจ้างจะมีบทบาทที่สำคัญในการป้องการระยาดในสถานที่ทำงาน และเศรษฐกิจของประเทศ โดยนายจ้างจะต้องมีการปรับปรุงเรื่องนโบายการทำงาน การบริหาร การปรับโครงสร้างเพื่อป้องกันการติดต่อ

ข้อแตกต่างของการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก ไข้หวัดหมูโรค Sars

ไข้หวัดใหญ่

เชื้อไข้หวัดใหญ่จะมีการระบาดเป็นระยะตามฤดูกาลโดยมากจะระบาดในหน้าหนาว การระบาดจะอยู่ในขอบเขตจำกัดเนื่องจากคนส่วนใหญ่จะมีภูมิต่อเชื้อโรค และได้มีการฉีดวัคซีนป้องกันไว้บ้างแล้ว แต่ต้องฉีดทุกปี ไข้หวัดใหญ่อ่านที่นี่ เรื่องวัคซีนอ่านที่นี่

ไข้หวัดนก

มีการระบาดของเชื้อไข้หวัดนกที่เกิดกับสัตว์ปีก และระบาดสู่คน เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังไม่มีภูมิจึงมีอัตราการเสียชีวิตสูง แต่เนื่องจากเชื้อยังไม่กลายพันธุ์จึงทำให้การติดต่อจากคนสู่คนเป็นไปได้ยาก อ่านที่นี่

โรค SARS

เป็นโรคระบาดที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงเกิดจากเชื้อไวรัสที่เกิดในสัตว์และกลายพันธุ์ติดต่อจากคนสู่คน มีอัตราการเสียชีวิตสูงมาก อ่านที่นี่

ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ มีการระบาดจากคนสู่คนจนองค์การอนามัยโรคประกาศระดับการระบาดเป็นระดับ5 มีการระบาดไปทั่วโลก แต่อัตราการเสียชีวิตไม่สูงเหมือนไข้หวัดนก หรือ sars อ่านที่นี่

การระบาดของเชื้อทั่วโลกจะส่งผลอย่างไรกับที่ทำงาน

การระบาดของโรคจะกระทบกับหลายประเทศ ทั้งสังคม การค้า การเดินทาง เศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การระบาดแต่ละครั้งใช้เวลา 6-8 อาทิตย์ และอาจจะระบาดซ้ำได้อีก ซึ่งอาจจะส่งผลต่อบริษัทหรือที่ทำงานดังนี้

ใครจะเป็นผู้วางแผนรับมือการระบาดของโรคระบาด

เนื่องการระบาดของโรคจะมีผลกระทบไปทั่วโลกดังนั้นทุกองค์กรในสังคมไม่จะรัฐบาล หน่วยงานของรัฐบาล ภาคธุรกิจ และครัวเรือนจะต้องร่วมกันวางแผนเพื่อลดผลกระทบต่อองค์กรและสังคม การวางแผนที่ดีจะป้องกันไม่ให้พนักงานติดเชื้อโรค ไม่ขาดแคลนวัตถุดิบ และปรับเปลี่ยนการบริการเพื่อสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค

วิธีการติดต่อของโรคระบาดและวิธีป้องกัน

การระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่จะเสมหะที่มีขนาดใหญ่ที่เรียกว่า droplet transmission ซึ่งเกิดจากการจามหรือไอ เนื่องจากเสมหะมีขนาดใหญ่จึงแพร่กระจายได้ไม่ไกลดังนั้นเชื้อจะไปติดต่อสู่อีกคนหนึ่งโดย

การจัดระดับความเสี่ยงของการติดเชื้อของพนักงาน

ท่านที่เป็นผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการ ท่านต้องประเมินว่าพนักงานกลุ่มใดมีโอกาสที่จะเสี่ยงรับเชื้อโรคช่วงระบาดได้สูงกว่ากัน เพราะแผนกที่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อสูง ท่านต้องฝึกผนักงานของท่านในการป้องกันตนเองรวมทั้งการปรับโครงสร้างเพื่อป้องกันพนักงานของท่านและ ท่านจะต้องเตรียมคนสำรองไว้ หรืออาจจะฝึกพนักงานให้ทำหน้าที่ได้หลายตำแหน่งซึ่งจะแบ่งความเสี่ยงได้เป็น

จัดความเสี่ยงตามวิชาชีพ

แต่ละอาชีพจะมีความเสี่ยงต่อการติดต่อของโรคไม่เหมือนกัน บางอาชีพมีโอกาสติดต่อสูง บางอาชีพก็มีความเสี่ยงต่ำ บุคคลากรทางการแพทย์

ตามความเห็นของผู้เขียน นายจ้างหรือผู้บริหารควรจะจัดกลุ่มพนักงานที่มีโอกาสความเสี่ยงในการติดเชื้อว่าสูงต่ำมากน้อย และความสำคัญของงาน เพื่อที่จะได้วางแผนหาคนเมื่อเจ้าหน้าที่ป่วย หรือแผนกที่ไม่มีความสำคัญอาจจะให้หยุดงานขณะที่มีการระบาดการแบ่งความเสี่ยงคงใช้หลักการแบบเดียวกันคือ (ตามความเห็นของผู้เขียน)

เมื่อท่านได้จัดความเสี่ยงของการระบาดของโรคติดต่อที่จะเกิดกับพนักงานแล้ว ท่านต้องวางแผนว่าทำอย่างไรถึงจะลดโอกาสในการระบาดของโรคติดต่อ และหากเกิดขึ้นท่านจะแก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง

การวางแผนเพื่อลดผลกระทบจากการระบาดของโรคติดต่อ

บทบาทขององค์กรในการควบคุมโรคติดต่อ

ในการควบคุมโรคติดต่อนอกจากจะเน้นเรื่องการล้างมือ การสวมหน้ากากอนามัย social distance (การลดการติดต่อ การประชุม ระยะเวลาที่ติดต่อ ) ยังมีมาตราการในการควบคุมโรคติดต่อโดยมีหลักการใหญ่ๆดังนี้

หน้ากากอนามัยชนิดต่าง

Work Practice and Engineering Controls

เมื่อสมัยก่อนก่อนป้องกันโรคติดต่อทำได้โดยการสวมหน้ากากอนามัย หรือการใส่แว่นตา หมวก หรือชุด แสดงว่าการการที่คนติดต่อกันน้อยจะทำให้การแพร่ของโรคระบาดลดลง ดังนั้นสถานที่ทำงานต่างๆหากแยกคนให้พบปะกันน้อยลงซึ่งมีวิธีการทำได้สองวิธีคือ

การสวมอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง

สรุป

สิ่งที่บริษัทต้องทำเพื่อลดโรคติดต่อในองค์กร