วิธีการรักษาต้อหินเรื้อรัง
การรักษาต้อหินเรื้อรัง มี 3 วิธีหลัก
- ใช้ยา อาจเป็นยาหยอดตา หรือ ยารับประทาน ในบางคนอาจต้องหยอดยาหลายๆตัว บางคนอาจต้องใช้ทั้งยาหยอด และยารับประทาน ทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของจักษุแพทย์ ผู้ป่วยควรจะใช้ยาตามคำแนะนำของจักษุแพทย์โดยเคร่งครัด
- ใช้แสงเลเซอร์ สำหรับต้อหินเรื้อรังการใช้แสงเลเซอร์สามารถช่วยให้ความดันตาลดลงได้ชั่วคราว จึงมักนิยมใช้ในผู้ป่วยก่อนที่จะตัดสินใจรับการผ่าตัด หรืออีกนัยหนึ่งการใช้เลเซอร์จะช่วยประวิงเวลาการผ่าตัดออกไป
- การผ่าตัด ส่วนใหญ่จะใช้วิธีผ่าตัดเมื่อยาไม่ได้ผล หรือผู้ป่วยไม่ให้ความร่วมมือ ขาดยาเป็นประจำจนทำให้ตาค่อยๆมัวลง หรือผู้ป่วยบางรายอาจทนต่อผลข้างเคียงของยาหยอดตาไม่ได้
การใช้ยาหยอดตา
ยาหยอดตาที่ใช้รักษาต้อหินหากใช้ไม่ถูกต้องก็จะเกิดผลข้างเคียง และไม่มีประสิทธิภาพวิธีการใช้ยาที่ถูกต้องมีดังนี้
- ตรวจชื่อยาว่าถูกต้องหรือไม่
- ล้างมือให้สะอาด
- เขย่ายาให้เข้ากัน
- เอนตัวไปข้างหลัง
- เหลือกตามองไปข้างบน
- ดึงหนังตาล่างออกเพื่อเป็นแหล่งหยอดยา
- หยอดยาลงบนหนังตาล่างแล้วปิดตา เอนนอน
- อย่าให้ขวดยาถูกตา
- กดที่หัวตาเบาๆ 2-3 นาที เพื่อมิให้ยาไหลลงในท่อน้ำตา
- ใช้ผ้าเช็ดยาที่อยู่รอบตา
- ล้างมืออีกครั้ง
- หากต้องหยอดยาอีกชนิดหนึ่งให้รอ 5 นาทีค่อยหยอดชนิดใหม่
ชนิดยา | ชื่อยา | การออกฤทธิ์ | ผลข้างเคียง |
Beta blocker | Ateoptic,Betaophtiole,
Betagan,Betoptic glaucooph,nyolol timolol,Fortil |
ลดการสร้างน้ำเลี้ยงตา | ทำให้หัวใจเต้นช้า ความดันโลหิตลดลง หอบหืดมากขึ้น ในคนที่เป็นหอบหืด |
Carbonic anhydrase inhibitor | Azopt,trusopt | ลดการสร้างน้ำเลี้ยงตา | ตามัว คันตา ตาแห้ง หากแพ้ยา sulfa ไม่ควรใช้Azopt |
Miotic | pilogel HS | เพิ่มการไหลเวียน ของน้ำเลี้ยงตา | มองไม่ชัดในที่มืด เนื่องจากรูม่านตาเล็ก |
Postaglandin | xalatan | เพิ่มการไหลเวียน ของน้ำเลี้ยงตา | มีการเปลี่ยนเป็นสี เป็นน้ำตาลของม่านตา |
alfa adrenergic agonist | alfagan | ลดการสร้างน้ำเลี้ยงตา | อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ตามัว ปากแห้ง จมูกแห้ง |
Sympathomimetic | เพิ่มการไหลเวียน ของน้ำเลี้ยงตา | ปวดศีรษะ ตามัว |
การรักษาโดยการผ่าตัด
การผ่าตัดทุกชนิดจะมีความเสี่ยงแพทย์จะเลี่ยงการผ่าตัด แต่การผ่าตัดปัจจุบันก็ประสบผลสำเร็จด้วยดี การผ่าตัดเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นต้อหินชนิดมุมปิดclose angle glaucoma หรือในรายที่ใช้ไม่ได้ผลหรือมีผลข้างเคียงของยา การผ่าตัดมักจะเลือกผ่าข้างใดข้างหนึ่ง การผ่าตัดมีสองชนิดใหญ่ๆคือ
Laser surgery
การผ่าตัดด้วยวิธี Laser แพทย์จะหยอดยาชาที่ตาหลังจากนั้นจะใช้พลังงานจากแสง laser เพื่อเปิดทางเดินน้ำเลี้ยงตา ขณะทำท่านอาจจะเห็นแสงเหมือนถ่ายรูป และมีอาการระคายเคืองตา การรักษาโดยวิธี laser จะลดความดันลูกตาเป็นการชะลอการผ่าตัด วิธีการผ่าตัก laser มีดังนี้
- Laser peripheral iridotomy
- Argon Laser Trabeculoplasty
- Laser cyclophotocoagulation
หลังการผ่าตัดด้วย laser ผู้ป่วยจำเป็นที่จะต้องใช้ยา บางรายอาจจะต้องผ่าตัดซ้ำ
Microsurgery
การผ่าตัดวิธีนี้เหมาะสมกับต้อหินทุกชนิดทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง การผ่าตัดอาจจะใช้ยาชาเฉพาะที่หรือดมยาสลบ หลังผ่าตัดผู้ป่วยสามารถเดินและกลับบ้านได้โดยมีผ้าปิดตาและห้ามถูกน้ำ ห้ามออกกำลังกายอย่างหนัก ห้ามก้ม ดำน้ำ หรืออ่านหนังสือเป็นเวลา 1 สัปดาห์
หลังการผ่าตัดลูกตาท่านก็จะเหมือนปกติ จะมีรูเล็กๆที่ตาขาวซึ่งถูกหนังตาบนปิดบังอยู่
คำแนะนำสำหรับผู้ที่เป็นต้อหิน
- จะต้องตรวจวัดความดันลูกตาทุกสัปดาห์ ทุกเดือนจนกระทั่งความดันในตากลับสู่ปกติ
- ให้ใช้ยาอย่างสม่ำเสมอแม้ว่าความดันลูกตากลับสู่ปกติ จะหยุดเมื่อแพทย์สั่งให้หยุด
- ให้ใช้ยาเวลาที่สะดวกที่สุด เช่นหลังตื่นนอน หรือก่อนนอน
- หากท่านลืมหยอดยา ให้หยอดยาทันที่ที่นึกขึ้นได้
- หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้
- เตรียมยาสำรองหากต้องเดินทาง
- จดชื่อยาที่ใช้รวมทั้งขนาดที่ใช้ไว้กับตัว
- ปรึกษาแพทย์ถึงวิธีการหยอดยาที่ถูกต้อง
- จดตารางการหยอดยา และยารับประทานไว้ที่ๆมองเห็นได้ง่าย
- ต้องเฝ้าระวังผลข้างเคียง
- เมื่อไปพบแพทย์ท่านอื่นต้องบอกว่าท่านเป็นต้อหินและกำลังใช้ยาอยู่
- หากมีอาการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับตาต้องรายงานแพทย์
- ไปตามแพทย์นัด และให้แพทย์นัดครั้งต่อไป
- หากไม่ได้ใช้ยาต้องบอกแพทย์ทุกครั้ง
การดูแลตา
- สำหรับคุณผู้หญิงต้องใช้เครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
- ห้ามขยี้ตาแม้ว่าจะเคืองตา
- หากท่านมีการผ่าตัดตา ให้สวมแว่นกันฝุ่นหรือกันน้ำเวลาทำงานหรือว่ายน้ำ
- ดูแลสุขภาพทั่วไปให้แข็งแรง
- รับประทานอาหารคุณภาพ ออกกำลังกาย งดบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ลดปริมาณกาแฟ ควบคุมน้ำหนัก
- ลดความเครียด
- เมื่อดื่มน้ำให้ดื่มครั้งละไม่มากแต่บ่อยๆได้
ทบทวน 04/2564
ต้อหิน อาการและชนิดต้อหิน การวินิจฉัย การรักษา