หน้าหลัก | สุขภาพดี | สุภาพสตรี | การแปลผลเลือด | โรคต่างๆ | วัคซีน

การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการตรวจพิเศษต่าง ๆ

1. Routine laboratory tests

การตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ในการหาสาเหตุของอาการ dyspepsia ่

การตรวจทางรังสีวิทยา

การตรวจกรดในหลอดอาหาร24 hr esophageal pH monitoring

ผู้ป่วย dyspepsia จำนวนหนึ่งจะมีอาการของ GERD  ร่วมด้วย ซึ่งเรามักเรียกผู้ป่วยกลุ่มนี้ว่า reflux like dyspepsia ในผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีอยู่จำนวนหนึ่งที่เป็น GERD แม้ว่าผู้ป่วย reflux like dyspepsia จะตอบสนองดีต่อการให้ยาลดกรด (2 ใน 3 ของผู้ป่วยอาการดีขึ้นเมื่อได้ยาลดกรด) แต่ก็พบว่าผู้ป่วยจำนวนไม่น้อย แม้อาการจะดีขึ้นแต่ก็ไม่หายสนิท หรือในบางรายอาการไม่ดีขึ้นเลย ซึ่งถ้าผู้ป่วยกลุ่มนี้เป็น GERD จริง อาจจำเป็นที่จะต้องได้รับยาลดกรดขนาดสูงขึ้น ในกรณีที่แพทย์ไม่ทราบการวินิจฉัย อาจจะไม่มีความมั่นใจในการปรับยา หรือให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วย การมำ 24 hr pH monitoring สามารถช่วยยืนยันการวินิจฉัย และช่วยให้แพทย์และผู้ป่วยมั่นใจในแนวทางการรักษาภาวะ GERD ซึ่งมักเป็นเรื้อรังนี้มากขึ้น
ในปัจจุบันการตรวจ 24 hr esophageal pH monitoring ถือเป็นการตรวจมาตรฐานในการวินิจฉัย GERD ซึ่งมีข้อบ่งชี้ในรายที่ไม่แน่ใจในการวินิจฉัย และเพื่อประเมินผลการรักษาด้วยยาลดกรดในบางราย เช่น รายที่ทราบการวินิจฉัยว่าเป็น GERD แล้ว แต่ผู้ป่วยได้ยาลดกรดในขนาดสูง แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือในรายที่มีภาวะ Barrett’s esophagus ซึ่งมีความจำเป็นในการประเมินว่ายาที่ให้เพียงพอในการลดกรดหรือไม่



การส่องกล้องตรวจภายในทางเดินอาหารส่วนบน  (upper endoscopy)

การส่องกล้องดูภายในทางเดินอาหารส่วนบน ถือเป็นการตรวจมาตรฐานในการตรวจหาความผิดปกติของทางเดินอาหารส่วนบนในผู้ป่วยแน่ท้องอาหารไม่ย่อย dyspepsia เนื่องจากมีความแม่นยำสูง และในกรณีที่จำเป็นต้องตัดชิ้นเนื้อมาตรวจทางพยาธิวิทยา ก็สามารถที่จะทำได้โดยมีความแม่นยำสูงมากในการวินิจฉัยโรคแผลในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนต้น, หลอดอาหารอักเสบ (erosive esophagitis), และภาวะ Barrett’s esophagus รวมทั้งมะเร็งภายในทางเดินอาหารส่วนต้น
ดังนั้นผู้ป่วย dyspepsia ทุกรายที่มลักษณะดังต่อไปนี้ ควรได้รับการส่องกล้องตรวจดู

  1. อายุเมื่อเริ่มมีอาการมากกว่า55ปีขึ้นไป และไม่มีประวัติให้สงสัยว่ายาหรืออาหารอาจเป็นสาเหตุ เนื่องจากอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารจะสูงขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น
  2. ผู้ป่วยอายุน้อยที่ไม่มีสัญญาณอันตรายแต่อาการไม่ดีขึ้นหรือกลับเป็นซ้ำบ่อยๆหลังได้รับการรักษาด้วยยาแบบครอบคลุม ควรพิจารณารับการส่องกล้อง
  3. ผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 45 ปี ที่มีอาการ dyspepsia มาไม่นาน และไม่เคยเป็นมาก่อนควรได้รับการตรวจโดยการส่องกล้อง เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งภายในกระเพาะอาหารมากขึ้น
  4. นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีความกังวล หรือกลัวว่าจะเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารมาก การส่องกล้องก็เป็นการตรวจที่สามารถช่วยยืนยันให้ผู้ป่วยคลายความกังวลดังกล่าว

ในปัจจุบันยังไม่มีข้อตกลงแน่นอนถึงแนวทางในการส่องกล้องผู้ป่วย dyspepsia ที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปี ที่ไม่มี alarm feature ซึ่งมีแนวทางในการดูแลได้ 3 แนวทางคือ

1.ให้การรักษาไปก่อน Empiric antisecretory therapy

การให้ยาลดกรด เช่น H2 blocker หรือ PPI ในการรักษาผู้ป่วยอาการอาหารไม่ย่อยโดยที่ไม่ได้ตรวจหาสาเหตุ พบว่าสามารถลดอาการของผู้ป่วยได้ดี ผู้ป่วยแน่นท้อง dyspepsia ที่ตอบสนองดีต่อยาลดกรดมักจะได้แก่ผู้ป่วยที่เป็นแผลที่กระเพาะ peptic ulcer, GERD ข้อเสียของการรักษาด้วยวิธีนี้คือผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะที่เกิดจากเชื้อ H pylori ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะจะไม่ได้รับการรักษาที่ต้นเหตุ

2. ตรวจหาเชื้อTest and treat for H. pylori

เชื้อ H. pylori สัมพันธ์กับการเกิดแผลที่ลำไส้เล็กส่วนต้นและแผลที่กระเพาะมากกว่า 80% และ 50% พบว่าการรักษา H. pylori infection ในผู้ป่วย dyspepsia ที่ยังไม่เคยสืบค้นหาสาเหตุมาก่อนสามารถลดอัตราการส่องกล้อง และอาการในผู้ป่วย dyspepsia ลงได้

3.การส่องกล้อง Early endoscopy

การส่องกล้องตรวจภายในทางเดินอาหารเป็นการตรวจที่มีความแม่นยำสูง และมีภาวะแทรกซ้อนต่ำ ซึ่งถือเป็นการตรวจมาตรฐานในการตรวจหาความผิดปกติภายในทางเดินอาหารส่วนบน สามารถวินิจฉัยสาเหตุของอาหารไม่ย่อย dyspepsia เช่นโรคกระเพาะ กรดไหลย้อน และมะเร็ง

การวินิจฉัย การรักษา